"เรามั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ BRR เติบโตได้แบบก้าวกระโดด ซึ่งมาจากฐานธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายที่เรามีผลผลิตน้ำตาลทรายที่มากขึ้นและต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง อีกทั้งยังสามารถสร้างเม็ดเงินรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งจากธุรกิจพลังงานทดแทนอีกด้วย"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบและการผลิตน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีผลพลอยได้ที่เป็นกากน้ำตาลเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพิ่มเป็น 80,000 ตันจากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 70,000 ตันอีกด้วย
สำหรับในส่วนของพลังงานทดแทนนั้น ในเร็วๆนี้บริษัทจะได้เริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 และพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 8 เมกะวัตต์ ในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การจำหน่ายไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ส่งผลดีต่อโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 ของ BRR ที่มีโอกาสสร้างรายได้จาการจำหน่ายไฟเพิ่มขึ้น เนื่องจากการจำหน่ายไฟฟ้าในรูปแบบดังกล่าว ทำให้ราคาจำหน่ายไฟฟ้าต่อหน่วยให้แก่ภาครัฐปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.53 บาท/หน่วย จากเดิมที่ 3.60 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.93 บาท/หน่วย ส่งผลต่อภาพรวมรายได้ของธุรกิจพลังงานทดแทนในปีนี้เพิ่มเป็น 450 ล้านบาทหรือคิดเป็น 10% ของรายได้รวม และทำสัดส่วนกำไรเพิ่มเป็นกว่า 30% จากเดิมที่มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 20%
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 57 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลและกากน้ำตาล 3,328 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของธุรกิจรวมทำได้ 241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 196 ล้านบาท โดยการเติบโตมีปัจจัยจากความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากธุรกิจน้ำตาลได้มากขึ้นหลังมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำลง
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 1 สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจเต็มปี รวมถึงยังนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปชำระหนี้คืนทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง จึงทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตในปีที่ผ่านมา