สำหรับงบลงทุนที่ปรับลดลงเป็นการลดค่าใช้จ่ายในด้านงานปฏิบัติการ งานออกแบบ หลุมเจาะ แท่นการผลิต และฐานการผลิต โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างทางการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และทำให้บริษัทมีศักยภาพในการมองหาโอกาสในการลงทุนเพิ่ม
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ชะลอโครงการสำรวจ ในแหล่งขุดเจาะปิโตรเลียมที่แอลจีเลีย และออสเตรเลีย ซึ่งคาดว่าจะเลื่อนออกไปจนกว่าราคาน้ำมันจะกลับมาอยู่เหนือระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ บมจ.ปตท.(PTT) ได้สั่งให้บริษัทในกลุ่ม ปตท.ทบทวนแผนการลงทุนในปีนี้ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมาก โดยเฉพาะการลงทุนของ PTTEP ซึ่งจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น หลังจากนั้นให้บริษัทลูกนำส่งแผนลงทุนใหม่ภายในสิ้นเดือนมี.ค.โดยงบลงทุนของ PTTEP ตามแผน 5 ปี(ปี 58-62) มีรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายดำเนินงานรวม 24,295 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายดำเนินงานในปีนี้ 4,832 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น รายจ่ายลงทุน 3,071 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน 1,761 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางสาวเพ็ญจันทร์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณขายปิโตรเลียมปีนี้เติบโต 6% มาที่ 3.43 แสนบาร์เรล/วัน จาก3.22 แสนบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นการผลิตในแหล่งปิโตรเลียมเดิมอยู่แล้วทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ และยังมีความผันผวนอยู่ ขณะที่คาดว่าอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันจะเข้าสู่สมดุลในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าในช่วงปลายปีราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดของปีได้
ดังนั้น คาดว่าปีนี้บริษัทอาจจะไม่มีการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์จากโครงการออยแซนด์และมอนทารา รวมถึงโครงการอื่นๆด้วย หลังจากปี 57 บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ไปแล้วราว 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่ปรับลดลงแรงอย่างมีนัยสำคัญ
สิ้นปีที่แล้ว PTTEP มีโครงการปิโตรเลียม 43 โครงการ ใน 11 ประเทศ