นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า ปตท.ได้เสนอแผนลงทุนสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ในลักษณะ FSRU (floating storage And Regas Unit) ซึ่งจะเป็นเรือ LNG ลอยลำและมีคลังเก็บ LNG และสถานีเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นก๊าซ โดยจะสร้างใน 2 พื้นที่ ได้แก่ เมียนมาร์ และบริเวณพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) จะมีขนาดแห่งละ 3 ล้านตัน/ปี คาดว่าใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี
การดำเนินการดังกล่าวเพื่อรองรับปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะมาจากเมียนมาร์และเจดีเอที่จะลดลง โดยแหล่งเจดีเอขณะนี้ก๊าซที่ส่งมาไทยเริ่มลดลงแล้วหลังจากมาเลเซีย เรียกรับก๊าซครึ่งหนึ่งตามสัญญาแล้ว จากก่อนหน้าที่ไทยซื้อก๊าซมากกว่าสัญญาที่จะแบ่งกันฝ่ายละครึ่งหนึ่ง ขณะที่ทางฝั่งเมียนมาร์นั้นพบว่าปริมาณก๊าซจากแหล่งเยตากุนเริ่มมีปริมาณลดลงเร็วกว่าสัญญา
โดยปัจจุบันได้เสนอแผนดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แล้วและอยู่ระหว่างรอรมว.พลังงานนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ต่อไป
นายไพรินทร์ กล่าวอีกว่า ปตท.ยังจะเร่งจัดหา LNG จากตลาดจร(spot) เข้ามาที่คลัง LNG ในจ.ระยองมากขึ้น หลังราคาในตลาด spot ถูกลงเหลือราว 6-7 เหรียญ/ล้านบีทียูเท่านั้น ซึ่งในปีนี้จะนำเข้าตามสัญญากับการ์ต้า 2 ล้านตันที่เหลือมาจากตลาด spot ขณะที่ปีที่แล้วนำเข้า LNG มาราว 2 ล้านตัน โดยราคา LNG ที่ถูกลงก็จะมีส่วนทำให้ราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าโดยรวมลดลงด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าไฟฟ้าในที่สุด
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ มองว่าเป็นเพียงชั่วคราว เพราะว่าในความเป็นจริงปริมาณน้ำมันในตลาดยังคงมากกว่าความต้องการใช้ แต่เนื่องจากมีปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาในระยะสั้น
ส่วนการที่รัฐบาลจะจัดตั้งบรรษัทขึ้นมาดูแลรัฐวิสาหกิจนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องดีและจะทำให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งมีความคล่องตัวมากขึ้น