นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ MILL เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปีก่อนที่ขาดทุน 998.68 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องบันทึกการด้อยค่าเงินลงทุนจากการซื้อหุ้น TSSI รวมมูลค่ากว่า 843 ล้านบาท ประกอบกับการซื้อกิจการ TSSI จะทำให้กำลังการผลิตเหล็กรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.7-1.8 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบัน 1.2-1.3 ล้านตัน/ปี
ทั้งนี้ TSSI มีกำลังผลิต 5 แสนตัน/ปี และเป็นโรงงานผลิตเหล็กเกรดพิเศษที่มี EBITDA Margin สูงถึง 15-16% ขณะที่เหล็กธรรมดาอยู่ที่ 6-7% ดังนั้น ผลผลิตของ TSSI จะช่วยดึงมาร์จิ้นเฉลี่ยของบริษัทให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทอาจจะมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานอีกกว่า 480 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะมีความคืบหน้าในไตรมาส 2/58 รวมไปถึงจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบางส่วนใน TSSI ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรหลายราย คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2/58 นี้เช่นกัน
นายสิทธิชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 1.05 หมื่นล้านบาท มความต้องการเหล็กที่เริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะได้รับอานิสงส์จากนโยบายการลงทุนภาครัฐ ขณะที่จะเริ่มเดินเครื่องกำลังผลิตใหม่ของ TSSI ในช่วงไตรมาส 3/58 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้กำลังการผลิตในส่วนนี้เข้ามาราว 3,000 ล้านบาทในปีนี้
"ปีนี้มองดีมานด์เหล็กน่าจะดีขึ้น บวกกับการซื้อ TSSI ก็น่าจะเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 3 นี้ได้ ส่งผลต่อตัวรายได้ที่จะเข้ามาเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาท จึงประเมินยอดขายน่าจะขยับขึ้นแตะ 15,000 ล้านบาทได้ ขณะที่มั่นใจปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากที่ไม่ต้องมีการบันทึกการด้อยค่าเงินลงทุน"นายสิทธิชัย กล่าว