SAMART-W ปิดเทรดวันแรกที่ 4.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 72.86 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.06 บาท
ขณะที่หุ้น SAMART ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.75 บาท(-2.14%)มูลค่าซื้อขาย 168.59 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 35.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 35.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 34 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART) ใช้ชื่อย่อว่า SAMART-W คาดว่าจะมี All-in Premium ที่ 45.67% เนื่องจากเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่มีสถานะ Deep Out of the money โดยที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาหุ้นแม่ถึงราว 30% พร้อมทั้งมีอายุที่นานถึง 3 ปี แต่ด้วย Gearing ที่มากเกือบ 6 เท่า เราจึงมองว่า SAMART-W เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Leverage และรับความเสี่ยงได้สูง
จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี BSM อ้างอิงราคาปิดที่ 35 บาท (5 มี.ค.) จะได้มูลค่าที่เหมาะสมของ SAMART-W ที่ 5.99 บาท พร้อมให้กรอบมูลค่า SAMART-W ไว้ที่ 5.41-6.58 บาท เมื่อราคาหุ้น SAMART เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-36.25 บาท โดย Volatility ที่ 39% per year
SAMART-W จำนวนที่ออก 201.27 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 5 : 1 ฟรี อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 45 บาท, อายุ 3 ปี กำนหดใช้สิทธิได้ครั้งเดียวในวันหมดอายุคือวันที่ 19 ก.พ. 2018
SAMART ดำเนินธุรกิจ 4 สายหลัก คือ สายธุรกิจสื่อสารไอทีและโทรคมนาคมครบวงจร (SAMART Telcoms), สายธุรกิจการสื่อสารข้อมูลและอุปกรณ์สื่อสารไอที (SAMART i-Mobile (SIM)) สายธุรกิจธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ (One to One Contacts (OTO)) และสายธุรกิจบริการสาธารณูปโภค (Cambodia Air Traffic Services)