"2 เดือนแรกที่ผ่านมาเราสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เติบโต 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และก็คาดว่าไตรมาส 1/58 ทั้งรายได้และกำไร เราจะโตไปล้อกับการเติบโตของสินเชื่อที่ 30% เรายังไม่มีการปรับเป้าหมายในส่วนของทั้งปีในตอนนี้ เนื่องจากต้องการติดตามภาวะเศรษฐกิจก่อนว่าจะเป็นอย่างไร"นายชูชาติ กล่าว
ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาระดับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ไม่ให้เกิน 1.5% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.37% แม้ว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น แต่บริษัทเชื่อว่ามีการบริหารจัดการหนี้ที่มีศักยภาพเพียงพอ
นายชูชาติ เปิดเผยอีกว่า บริษัทได้มีการปรับเพิ่มเป้าหมายการขยายสาขาในปีนี้เพิ่มเป็น 300 สาขา จากเดิมตั้งไว้ที่ 150 สาขา เนื่องจาก 2 เดือนแรกของปีนี้ได้เปิดสาขาไปแล้วถึง 170 สาขา โดยสาขาใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจาะอำเภอในจังหวัดใหญ่ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อในอนาค อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปี 58 คาดว่าจะมีสาขาเพิ่มเป็น 800 สาขา จากสิ้นปี 57 ที่มี 500 สาขา และในปี 60 จะเพิ่มเป็น 1,400 สาขา ใช้งบลงทุนราว 2.5 แสนบาท-1.2 ล้านบาท/สาขา
นอกจากนั้น ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อรายย่อยภายใต้การกำกับ(นาโนไฟแนนซ์)ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังจากคณะกรรมการบริษัทได้ลงมติเป็นที่เรียบร้อย โดยได้เตรียมหลักฐานครบถ้วนและมีความมั่นใจว่าจะไม่ติดขัดเงื่อนไขใดๆ คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 3/58 เน้นกลุ่มเป้าหมายช่วงแรกเป็นการต่อยอดฐานลูกค้าเดิมที่มีความต้องการสินเชื่อเพิ่ม เช่น กลุ่มเจ้าของกิจการ หาบเร่แผงลอย วินมอเตอร์ไซด์ และ เกษตรกร
สำหรับนเงินทุนที่จะนำมาปล่อยสินเชื่อดังกล่าวนั้นจะมาจากเงินจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) 2.9 พันล้านบาท โดยยังมีวงเงินเหลือหลังคืนหนี้ไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมได้ เนื่องจากปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.6 เท่า สามารถกู้ได้เป็นระดับหมื่นล้านบาท
"ตอนนี้บริษัทยังไม่สามารถกำหนดเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ได้ว่าจะมีมูลค่าเท่าไหร่ เพราะต้องดูความต้องการสินเชื่อของลูกค้า รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นก่อนว่าจะเป็นอย่างไร"นายชูชาติ กล่าว