"แนวโน้มผลประกอบการในกัมพูชาที่ดีขึ้นต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ...และสืบเนื่องจากการฟื้นตัวตลาดในประเทศด้วย ทำให้ผู้บริหารของบริษัทมีความมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 57 ที่ผ่านมาและกำลังเข้าสู่ยุคทองของธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตและกำไรพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก"นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ GL กล่าว
ปีที่แล้ว GL มีกำไรสุทธิ 114.7 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 240.31 ล้านบาทในปีก่อนหน้า
นายมิทซึจึ กล่าวว่า กัมพูชานับเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ขณะที่การตั้งสำรองสำหรับหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก คุณภาพของสินทรัพย์จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลกำไรจากกัมพูชาจะสามารถแซงหน้าผลประกอบการในประเทศไทยภายในปี 59 โดยธุรกิจในกัมพูชาที่บริหารจัดการโดย GL Finance (GLF) สามารถสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ หลังจากผ่านพ้นจุดคุ้มทุนตั้งแต่กลางปี 57 และกำไรจากผลประกอบการในกัมพูชานับเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของยอดกำไรสุทธิทั้งหมดในไตรมาส 4/57
นอกจากนี้ บริษัทยังรุกเข้าสู่ตลาดในกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ,ลาว ,เมียนมาร์ และ เวียดนาม รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ในอินโดนีเซียด้วย โดยในส่วนของลาวนั้น บริษัทกำลังเตรียมเปิดกิจการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศ ซึ่งการเตรียมการด้านบุคลากรและระบบต่างๆ มีความพร้อมเต็มที่อยู่แล้ว เพียงรอคอยใบอนุญาตจากธนาคารแห่งชาติของ สปป.ลาว โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเร็วๆ นี้
ขณะที่ในเมียนมาร์นั้น บริษัทกำลังศึกษาตลาดและแผนงานด้านต่างๆ โดยตั้งเป้าจะเริ่มธุรกิจในปี 59 ขณะที่ประเทศเวียดนามยังมีการเจรจาต่อเนื่องถึงความเป็นไปได้ในการเข้าควบรวมกิจการกับบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเงินทุนคล้ายคลึงกัน