ทั้งนี้ แผนงานในปีนี้บริษัทยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ในต่างประเทศในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในแต่ละประเทศที่ SAPPE เข้าไปทำตลาด รวมถึงจะร่วมมือกับคู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนนำเข้าสินค้า ผู้ค้าปลีกและร้านค้ารายย่อยในแต่ละประเทศ เพื่อทำประชาสัมพันธ์สื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 65% จากปีก่อน 61% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากในประเทศ
นางสาวปิยจิต กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มที่โรงงานคลอง 13 จ.ปทุมธานี โดยใช้งบลงทุนราว 470 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 60% ส่วนหนึ่งเพื่อชดเชยการปิดโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางชันเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารงาน จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสุทธิ 30% จากเดิมที่มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 100,000 ตันต่อปี และบรรจุภัณฑ์ขวด PET รวม 164 ล้านขวดต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป และผลิตได้เต็มกำลังในช่วงไตรมาส 4/58 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถการทำตลาดป้อนความต้องการสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ปีนี้ประมาณ 5 ตัว(เฉพาะกลุ่มสินค้าในประเทศ) คาดจะเริ่มออกในช่วงไตรมาส 2/58 เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด โดยในปีนี้บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.5% ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 12.97% โดยมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และได้รับประโยชน์จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนใหม่จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทได้อีกด้วย
นางสาวปิยจิต กล่าวถึงแผนระยาวว่า บริษัทคงเป้าหมายยอดขายเตะ 5 พันล้านบาทภายในปี 60 ด้วยแผนงานการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างตราสินค้า ผ่านกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายควบคู่กับการเร่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการจำหน่ายสินค้าไปยังลูกค้ามากขึ้น จะเป็นแรงหนุนที่ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ SAPPE สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย