ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ LIT ในปี 57 มีรายได้รวม 128.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.42 ล้านบาท หรือ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามีรายได้รวม 104.65 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 47.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.71 ล้านบาท หรือ 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.10 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 58 นอกเหนือจากการขยายตลาดลูกค้าเอสเอ็มอีแล้ว บริษัทยังมีแผนขยายผลิตภัณฑ์การเงินจากเดิมที่ให้น้ำหนักกับการปล่อยสินเชื่อลิสซิ่ง หรือสินเชื่อไฮ-เพอร์เชส ซึ่งถือเป็นโปรดักท์ปลายน้ำ ซึ่งมีมาร์จินต่ำโดยหันมาเพิ่มน้ำหนักใน สินเชื่อแฟคตอริ่ง หรือการรับซื้อลูกหนี้ทางการค้ามากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะรุกในหนี้ภาคเอกชนมากกว่าจากเดิม ในเวลาเดียวกันก็จะปรับสัดส่วนสินเชื่อประเภทเทรดและโปรเจคไฟแนนซ์ให้มากขึ้น เพราะมาร์จินสูงกว่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจที่มีมากว่า 7-8 ปีทำให้การบริหารความเสี่ยงและการคัดกรองลูกค้ามีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยปัจจุบันมีเอ็นพีแอลเพียง 2% เมื่อเทียบกับสินเชื่อรวม
ที่ผ่านมาบริษัทจะให้วงเงินสินเชื่อแฟคตอริ่งเอสเอ็มอีรายใหม่อยู่ในระดับวงเงินประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น แต่ในปีนี้มีแผนเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 200 ล้านบาท เพราะความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้มีสูง เนื่องจากสถาบันการเงินยังไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้มากนัก เนื่องจากยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ลูกค้าหันมาพึ่งสินเชื่อกับบริษัทมากขึ้น ล่าสุดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ต้องถือว่าผลงานเข้าเป้าตามที่วางไว้โดยได้เพิ่มวงเงินให้สินเชื่อแฟคตอริ่งลูกค้าเอสเอ็มอีรายใหม่ถึง 245 ล้านบาท ทีเดียว
"แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาจะชะลอตัวจากปัญหาการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก แต่รายได้และกำไรของเรายังขยายตัวได้ดี เนื่องจากเราได้มีการขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการปล่อยสินเชื่อแฟคตอริ่ง สามารถเพิ่มวงเงินในการปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายใหม่มากขึ้น ตลอดจนการเข้ารุกในสินเชื่อกลางน้ำประเภทเทรดและโปรเจคไฟแนนซ์ที่ให้ผลตอบแทน และมีมาร์จินค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับสินเชื่อเช่าซื้อที่มาร์จินค่อนข้างต่ำ"นายสมพล กล่าว