ขณะที่งานวาณิชธนกิจในมือปัจจุบันมีทั้งสิ้น 32 ดีล รองรับการสร้างรายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเป็นงานที่ปรึกษาทางการเงินในการการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) จำนวน 18 ดีล รวมทั้งงานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในกิจการอื่น ๆ และการควบรวม-ซื้อกิจการอีก 14 ดีล
"การปรับโครงสร้างของ ASP ให้เป็นบริษัทโฮลดิ้งจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.58 โดยจะช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุน และลดความเสี่ยงจากการแยกธุรกิจออกจากกัน จากเดิมที่กลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอยู่ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่ๆนอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ"นายก้องเกียรติ กล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทในปีนี้ได้มีการกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการใช้มาตรการ QE ส่งผลให้ราคาหุ้นมีการปรับเพิ่มสูงขึ้น และบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน(Capital Gain)ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีความระมัดระวังความเสี่ยงเรื่องของค่าเงินที่อาจมีความผันผวน
ด้านตลาดจีนมองว่ายังเติบโตได้แม้จะน้อยกว่าไตรมาส 4/57 ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐมีการลดสัดส่วนการลงทุนลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ยังมีหุ้นที่ดีที่ยังน่าสนใจยังคงถือครองอยู่บ้าง
ส่วนตลาดหุ้นไทยในปี 58 นั้น ASP มองว่ายังคงทรงตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นมากนัก ประกอบกับ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/57 และทั้งปี 57 ยังเติบโตได้ไม่ค่อยดี อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างแพง ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนลดลง
"ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่ผ่านมายังไม่ดี ความน่าสนใจจึงลดลง หุ้นไทยดีดีราคาก็แพง หุ้นกลางแม้ราคาจะดีและมีความน่าสนใจแต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ หุ้นขนาดใหญ่ เช่น หุ้นพลังงานราคาก็ตกแรงจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนหุ้นการสื่อสารมีปัจจัยลบจากการประมูลโครงข่าย 4G ที่ยังไม่คืบหน้า ทำให้ภาพรวมปีนี้คิดว่าคงไม่ดีขึ้นจากปีก่อนมากนัก"นายก้องเกียรติ กล่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ นายก้องเกียรติ มองว่า หากไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 2% ในครั้งนี้ อาจจะมีการปรับลดในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงกันหมด การที่ไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามก็จะช่วยส่งผลดีต่อกระแสเงินทุนไหลเข้า และค่าเงินบาทก็อาจมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากปัจจุบันที่แข็งค่าอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
"แม้ กนง.จะยืนยันว่าการลดดอกเบี้ยจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่การลดดอกเบี้ยนั้นมองว่าจะช่วยเพิ่มเรื่องเงินไหลเข้า และส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนได้ จากตอนนี้ที่แข็งค่าแบบไม่ทราบสาเหตุแท้จริง"นายก้องเกียรติ กล่าว