ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog)กว่า 3,000 กว่าล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ฯปีนี้ราว 60% ส่วนที่เหลือรับรู้ฯในปีถัดไป นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าจะมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีก เพราะยังคงมีแนวโน้มยอดสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังมองหาขยายธุรกิจในประเทศในแนวไลฟ์สไตล์ โดยอาจเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ แต่จะอาศัยการจัดซื้อเข้ามาจำหน่าย เพื่อเป็นการฉีกธุรกิจออกไปจากการผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ โดยจะอาศัยแบรนด์ที่มีอยู่เดิมให้เป็นประโยชน์ เพราะมองว่าภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ปีนี้อาจจะเติบโตไม่มาก หรืออาจทรงตัวจากปีก่อนที่ไม่ค่อยดีนัก
"2 เดือนแรกซึมๆ ยอดใหม่ที่เข้ามาก็ไม่มีอาการตื่นเต้น หรือโตต่ำกว่าเป้า อาจจะปริ่มๆ เพราะงานโปรเจ็คต์ไม่กระเพื่อม ขณะที่ส่งออกชะลอแน่นอน ด้านราคาขายบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นมา 2 ปีแล้ว จะพยายามบริหารต้นทุน สิ่งไหนลดลงได้ก็ลด เพราะการแข่งขันรุนแรงขึ้น การแข่งต่อสู้กันก็มากขึ้นเพราะค่าแรงปรับขึ้น แต่บริษัทก็พยายามยืนราคานี้ไว้ก่อน"นายทักษะ กล่าว
บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 150 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงโชว์รูมบางสาขา ปรับปรุงเครื่องจักร ระบบลอจิสติกส์ การจัดจำหน่าย เพิ่มคลังสินค้า ปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้าเพื่อลดต้นทุน จากปัจจุบันที่มีศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่ง คือ ที่บางพลีและบางขุนเทียน
นายทักษะ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยปีนี้จะสร้างโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศพม่า โดยได้จัดเตรียมที่ดินไว้แล้ว รอการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก Myanmar Investment Commission (MIC) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)ของไทย โดยจะร่วมลงทุนกับตัวแทนจำหน่ายของ MODERN ในพม่า ซึ่งบริษทจะถือหุ้นใหญ๋ในสัดส่วน 70-80% เนื่องจากมองว่าตลาดพม่ามีโอกาสเติบโตสูงมาก และฐานลูกค้าผู้ประกอบการญี่ปุ่นในพม่าก็มีจำนวนมาก
บริษัทคาดว่าจะมีการลงทุนเพื่อสร้างโชว์รูมเพิ่มและนำสินค้าไปจำหน่าย ส่วนการสร้างโรงงานคาดใช้เงินราว 3-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ -10-15 ล้นบาท ซึ่งช่วง 3 เดือนนี้พม่าจะมีการเลือกตั้งคงต้องรอใบอนุญาตไปอีกพักหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 59 โดยโรงงานตั้งอยู่ในย่างกุ้ง พื้นที่ก่อสร้างโรงงานราว 20 ไร่ เบื้องต้นจะผลิตเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและบ้านก่อน
"บริษัทยังต้องหา Dealer ใหม่ในพม่าและลาวเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตในระยะยาว เนื่องจากช่วงนี้บรรยากาศบ้านเราซึมๆ ซึมทั้งภาคเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังรีรอ ลังเลโดยเฉพาะค้าปลีกซึมทั้งหมด แต่กระทบเราไม่เยอะเพราะเรามีคอนแทคเยอะ แต่ปีนี้ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ แถบเพื่อนบ้าน ในพม่าเราได้นำสินค้าไปขายอยู่แล้วแถบแม่สอด และเกาะสอง มีโชว์รูมอยู่แล้ว 1 แห่ง จะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่ง ก็น่าจะเพียงพอ"นายทักษะ กล่าว
ส่วนโครงการร่วมมือกับ Itoki ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของญี่ปุ่นจัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกันในไทย ชื่อ บริษัท ITOKI MODERNFORM จำกัด ซึ่ง MODERN ถือ 49% และ ITOKI ถือ 49% ส่วนอีก 2% เป็นนอมินีของญี่ปุ่น ทุนจดทะเบียนราว 10 -20 ล้านบาท เพื่อนำสินค้าของ Itoki และ MODERN จำหน่ายให้กับบริษัทญี่ปุ่นในไทยก็จะเป็นตลาดที่ใหญ่เพิ่มขึ้น และในอนาคตอาจเชิญชวนทาง Itoki และพันธมิตรต่างประเทศรายอื่นเข้าไปร่วมลงทุนขยายตลาดในพม่าด้วย
"ช่วงแรกบริษัทร่วมทุนนี้จะทำเป็นเทรดดิ้งก่อน โดยนำเฟอร์นิเจอร์ของอิโตคิที่ผลิตจากหลายประเทศ และสินค้าของ MODERN นำมาขายเพื่อขยายตลาดญี่ปุ่นในไทย รวมทั้งร่วมกันผลิต และสเต็ปต่อไปจะเป็นการผลิตสินค้าร่วมกันเพื่อขายทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน"นายทักษะ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากในประเทศ 95% และส่งออก 5% ตลาดต่างประเทศที่ขยายไปแล้ว ได้แก่ ลาว เขมร และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย ส่วนสิงคโปร์มีบ้างแต่ไม่เป็นทางการ โดยในอนาคตสัดส่วนยอดขายต่างประเทศน่าจะเพิ่มขึ้น และในประเทศก็จะค่อยๆลดลง และยิ่งถ้าเปิดโรงงานที่พม่าได้จะทำให้ยอดขายต่างประเทศเติบโตก้าวกระโดดโดยต่างประเทศ ส่วนตลาดในประเทศมียอดขายงานโครงการกว่า 80% ที่เหลือเป็นรายย่อย
นายทักษะ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังมีแผนขายหุ้น บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) ที่เหลือถืออีกราว 10 กว่าล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.41% ออกทั้งหมด โดยการขายจะต้องได้ราคาที่ดี จากก่อนหน้านี้ขายไปแล้ว 62 ล้านหุ้นให้กับพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่ง MODERN บันทึกกำไรจากการขายหุ้น MFEC ไปแล้วราว 361 ล้านบาทในปี 57
"หุ้นที่เหลือ 2.41% รอได้ราคาดีค่อยขาย"นายทักษะ กล่าว
อนึ่ง ผลประกอบการปี 57 บริษัทกำไรสุทธิ 785 ล้านบาท