"การที่เรามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จะทำให้เราขยับลำดับไปอยู่ที่ 3 ของประเทศไทย จากก่อนหน้านี้อยู่ลำดับที่ 5 และมีฐานลูกค้าอยู่ในมือที่พร้อมจะสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้ จะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 85,000 ตันแป้งสาลี/ปี หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท"นายชาญกฤช กล่าว
นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า สำหรับความต้องการแป้งสาลีมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความนิยมในการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บะหมี่สด ขนมปัง และขนมขบเคี้ยว ซึ่งบริษัทมองถึงการพัฒนาเพื่อที่จะต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์แป้งสาลีที่มีอยู่เดิม โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จากปัจจุบันที่จำหน่ายสินค้าทั้งหมดในประเทศ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มมาร์จิ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าจะเจรจาแล้วเสร็จได้ในช่วงไหน
นอกจากนี้บริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อหารือแนวทางในการใช้เครื่องมือทางการเงินของตลาดทุน ในการลดภาระต้นทุนดอกเบี้ยที่จ่ายราว 25 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะมีการประชุมดังกล่าวในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ และหากผ่านที่ประชุมคณะกรรมการแล้วก็จะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนเม.ย.58 ต่อไป