TMBAM ออก Global Quality Growth เน้นหุ้นพฐ.ดีทั่วโลก IPO 16-20 มี.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 10, 2015 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย (TMBAM) กล่าวว่า บลจ.กำหนดเปิดตัวกองทุนน้องใหม่ TMB Global Quality Growth เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพื้นฐานดีทั่วโลก โดยจะเปิด IPO วันที่ 16-20 มี.ค.58 โดยกองทุนดังกล่าวจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักคือ กองทุน Wellington Management Portfolios (LUX)-Global Quality Growth Portfolios ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ

บลจ.มั่นใจว่าในระยะยาวหุ้นจะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น และยังเชื่อว่าหุ้นพื้นฐานดีเติบโตอย่างมีคุณภาพมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งทีมผู้จัดการมืออาชีพจะทำการคัดกรองบริษัททั่วโลกที่ผ่านเกณฑ์สำคัญได้แก่ ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด ศักยภาพในการเติบโตของรายได้และความสม่ำเสมอของการจ่ายเงินปันผล และเฟ้าหาบริษัท 60-90 บริษัท ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริงเข้าพอร์ต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 14.7% ต่อปี ขณะที่ดัชนี MSCI AC World Total Return ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดของกองทุนมีผลตอบแทน 7.6% ต่อปี

ปี 58 บลจ.ตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ทะลุหลัก 2 แสนล้านบาท และในอีก 2 ปีข้างหน้าอยากเห็นการเติบโตเพิ่มเป็น 3 แสนล้านบาท ขณะที่ปี 57 AUM สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้เชื่อว่าโอกาสการลงทุนยังมีอีกมาก ซึ่งบลจ.ได้มีการออกกองทุนที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ เช่น กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อันคัมพลัส ก็เชื่อว่ามีโอกาสที่จะโตเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนชอบลงทุนที่มีการกำหนดอายุการลงทุน (เทอมฟันด์) เช่น กองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ยังมีโอกาสโตเพิ่มขึ้น

นายสมจินต์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศยังน่าสนใจในตอนนี้จากการมองเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น เริ่มจากสหรัฐฯตลาดแรงงานฟื้นตัว การจ้างงานขยายตัวทำให้คนมีความสามารถจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น ส่วนหนึ้งเพราะน้ำมันลงทำให้คาดว่าเฟดจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดน่าจะเป็นช่วงกลางปีที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี่ย ขณะที่ยุโรป ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน QE เฉลี่ยเดือนละ 60,000 ล้านยูโร นานถึง 18 เดือน ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและส่งผลไปถึงผลตอบแทนของตราสารหนี้ (Bond yield) อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน ,ญี่ปุ่น BOJ ทำ QQE ต่อเนื่อง และพยายามคุมเงินเฟ้อ 2% ให้ได้ ขณะที่เอเชียส่งออกฟื้นตัวตามเศรษฐกิจสหรัฐ น้ำมันถูกลงช่วยกำลังซื้อในประเทศ

สำหรับมุมองการลงทุนปีนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยที่ 1,600 จุด ซึ่งเป็นดัชนี consensus ขณะที่ตอนนี้ดัชนีปรับฐานลงมาใกล้ 1,500 จุดก็น่าสนใจมากขึ้นมองว่าไม่น่าจะหลุด 1,500 จุด ส่วนโอกาสที่จะขึ้นไปอีกรอบถ้ามองภาพใหญ่ปัจจัยที่จะกระทบตลาดทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้าคือ QE ยุโรปที่จะออกมาเดือนละ 6 หมื่นล้านยูโร เริ่มมี.ค.58 และสิ้นสุดก.ย.59 ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่สูงมากก็เชื่อว่าเม็ดเงินนี้จะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับตลาดทุนที่จะมีเม็ดเงินไหลเข้ามา ซึ่งหุ้นไทยตอนนี้ PE 16 เท่า ขณะที่หุ้นสหรัฐ 16-18 เท่า เทียบเคียงแล้วก็ไม่ถูกไม่แพงเกินไป

ทั้งนี้ มองว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) พรุ่งนี้ (11 มี.ค.) คงไม่ลดดอกเบี้ย น่าจะเมนเทนท์ดอกเบี้ยไว้ก่อน เชื่อว่าคงจะเก็บไว้ใช้ตอนจำเป็นมากกว่า เพราะตอนนี้เศรษฐกิจก็ยังไปได้ดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่อีกระยะหนึ่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ