บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ที่ 1,104 ล้านบาท หลังจากได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ทำให้กำลังการผลิตรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะเห็นได้ในธุรกิจแม่พิมพ์ที่ปันี้อัตราการใช้กำลังการผลิตจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 80% จากเดิมอยู่ที่ 65%, ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก เพิ่มขึ้นมาที่ 70-75% จาก 65% และธุรกิจผลิตฉลากสินค้าเพิ่มเป็น 80% จาก 75%
"เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จากยอดการผลิตยานยนต์ที่เริ่มฟื้นตัว อุตสาหกรรมครื่องใช้ในครัวเรือน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในสำนักงานที่ต่างก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น"นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับแผนการผลักดันบริษัท SLP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายสุพจน์ คาดว่า จะสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/58 โดยทาง SLP ต้องการระดมทุนมาใช้สร้างโรงงานใหม่บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท รวมทั้งส่วนหนึ่งจะใช้คืนหนี้ และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ของหุ้นสามัญของ SALEE จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่า 0.25 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทจะนำเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เม.ย.นี้ และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค.58