สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะแบ่งจำนวนไม่เกิน 126,707,006 หุ้น คิดเป็น 10.56% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้จะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นสามัญของ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE) ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ใน SALEE(Pre-emptive Right)และจำนวน 293,292,994 หุ้น คิดเป็น 24.44% จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (IPO)
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นสามัญของ SALEE มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SLP ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญของ SALEE ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SLP โดยเสนอขายในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขาย IPO โดยกำหนดให้วันที่ 24 มี.ค.58 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นของ SALEE ที่จะมีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ SLP (Record Date) และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นวันที่ 25 มี.ค.58
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ SLP จะนำไปก่อสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้า,ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 2/58 นี้ โดยมี บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
"SLP ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานทางด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี
และขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้านแล้ว ที่จะนำหุ้น SLP เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุญาตแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นของ SLP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นอกจากบริษัทจะนำเงินไปช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว ยังทำให้ชื่อเสียงของ SLP เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมองว่า SLP น่าจะเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเมื่อมีการเปิดให้จองซื้อและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ"นายเศวตกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจรับผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูง โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ส่งผลให้ฉลากที่ผลิตออกมามีคุณภาพสูง มีความละเอียดและสวยงาม ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบคุณภาพและจำนวนของชิ้นงานหลังการผลิต ทำให้บริษัทสามารถจัดส่งสินค้าได้ครบถ้วนตามจำนวนและตรงกับคุณภาพที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกตามคุณลักษณะและการใช้งานเป็น 3 ประเภทหลัก คือ ฉลากสินค้าที่มีกาวในตัว (Self Adhesive Label) ฉลากสินค้าแบบผนึกในแม่พิมพ์บรรจุภัณฑ์ (In-mould Label) และงานพิมพ์ผลิตภัณฑ์กระดาษที่ไม่มีกาว (Offset Printing)
อนึ่ง บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 900 ล้านหุ้น