การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,533.40 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 1,520.20 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังได้เห็นการรีบาวน์บ้าง แต่คิดว่าความเสี่ยงของตลาดฯยังมีหลายด้าน อย่างเรื่องการทำ QE ของยูโรโซนก็คาดว่าเม็ดเงินจะไหลไปเข้าตลาดในสหรัฐฯมากกว่า เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ตัวเลขการว่างงานออกมาดีเกินคาด แต่คงจะเข้าตลาดตราสารหนี้ในสหรัฐฯไม่น่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นความไม่แน่นอนยังมีอยู่มาก จึงคิดว่าไม่น่าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่จะไปที่ Treasury ของสหรัฐฯก่อน
ส่วนตลาดบ้านเรา แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเป็นการสะท้อนการทำ QE ส่วนหนึ่ง แต่เนื่องจากดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงไปกว่า 300 จุด ตลาดฯจึงมีความเสี่ยงรายวันสูง ซึ่งการขยับขึ้นของดัชนีฯน่าจะมาจาการปรับตัวลงไปลึกมากกว่า อย่างไรก็ดีให้ติดตามทิศทางค่าเงิน และการเจรจาของกรีซที่ยังไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจในประเทศขณะนี้มีความไม่ชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี และการจะเก็บภาษีที่ดิน ซึ่งจะกระทบมากพอควรกับหลาย Sector รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน การบริโภคก็แย่ ดังนั้นกระแสเงินน่าจะไหลไปที่สหรัฐฯมากกว่า เพราะปัจจัยในประเทศไม่ดี คงต้องรอให้ปัจจัยที่ไม่ชัดเจนคลายตัวก่อน
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบตามดาวโจนส์
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯยังมีลุ้นรีบาวน์ได้ในช่วงบ่ายจากที่ดัชนีฯได้ลงไปลึก โดยเฉพาะถ้าตลาดยุโรปเปิดในช่วงบ่ายแล้วปรับตัวขึ้นอาจเป็นแรงส่งให้กับตลาดหุ้นไทยได้ จากแรงเก็งกำไรที่อาจจะเข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,798.17 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,075.98 ล้านบาท ปิดที่ 6.55 บาท ลดลง 0.15 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 895.88 ล้านบาท ปิดที่ 331.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
LOXLEY มูลค่าการซื้อขาย 798.70 ล้านบาท ปิดที่ 4.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 762.37 ล้านบาท ปิดที่ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท