อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในปี 2557 จาก 2% ในปี 2556 ในขณะที่สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เริ่มมีการผิดนัดชำระหนี้แต่ยังไม่ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 8.3% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รวม จาก 7.7% โดยคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลงเป็นผลมาจากการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่สูงมาก หลังจากที่รัฐบาลเริ่มนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีความต้องการซื้อรถยนต์มากขึ้นโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เติบโตสูงถึง 22% ในปี 2554 และ 39% ในปี 2555 การเติบโตในระดับที่สูงกินไปในช่วงเวลาดังกล่าวกอปรกับสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นและราคารถยนต์มือสองปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ที่มีการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เก่าในสัดส่วนที่สูงจึงมีผลประกอบการที่แย่ลง
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่คุณภาพสินเชื่อจะปรับตัวแย่ลงต่อไปอีกนั้นจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก การผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อเช่าซื้อมักจะปรับตัวขึ้นสูงที่สุดในช่วง 24 เดือนแรกของการให้สินเชื่อ และอัตราการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ชะลอตัวลงอย่างมากมาอยู่ที่ 8.4% ในปี 2556 และหดตัวติดลบที่ 3.4% ในปี 2557 อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ได้มีการปรับนโยบายการอนุมัติสินเชื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนได้จากการปรับลดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (loan-to-value ratios) และการปรับลดราคากลาง (ที่ใช้สำหรับการจำนำรถยนต์) นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในปี 2558 (ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 4.0% เทียบกับ 0.7% ในปี 2557) จะช่วยสนับสนุนให้คุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีการปรับตัวในแนวโน้มที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยอื่นอยู่บ้าง เช่นสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยอัตราส่วนสินเชื่อครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยอยู่ที่ 85% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อาจจะล่าช้ากว่าที่คาดการณ์อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้รายได้ภาคการเกษตรกรรมที่ลดลงอันเนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้บริโภคโดยรวม
แต่หากเศรษฐกิจเกิดการปรับตัวแย่ลงอีกระรอก ธนาคารพาณิชย์ที่มีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักและเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่น่าจะมีความสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้มากกว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดเล็กกว่า เนื่องจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่น่าจะมีการกระจายตัวที่ดีกว่า ประกอบกับฐานกำไรที่มีขนาดใหญ่กว่าและฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งกว่าซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่สามารถรองรับผลขาดทุนจากการขายรถยึดได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม หากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้นรุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลต่ออันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อต่อสินเชื่อรวมดังนี้
-ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน):67%
- ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน): 64%
- ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (A+(tha)/Stable): 56%
- ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) (AAA(tha)/Stable): 30%
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (A-/AAA(tha)/Stable): 24%
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BBB+/AA(tha)/Stable); 9%.