บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 9.12 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนต้องรับงานที่มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ต่ำ เพราะได้รับผลกระทบจากงานภาครัฐที่หยุดชะงัก รวมทั้งแบกรับมีต้นทุนการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 95% จึงกดดันต่อผลกำไร แต่มาในรปีนี้งานภาครัฐมีการเปิดประมูลงานใหม่ๆ มากขึ้นและงานส่วนใหญ่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับเป็นงานที่บริษัทมีความถนัดอย่างมาก รวมถึงยังได้รับงานจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานสร้างอาคารและงานแวร์เฮาส์
ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 5.25% ใกล้เคียงกับปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2-4% จากปีก่อน 0.12%
"ปีนี้มองว่ายอดขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากการเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 8,600 ล้านบาท และน่าจะมีการเข้าไปรับงานซับคอนแทรครถไฟฟ้า มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐน่าจะกลับมามากขึ้นในระดับ 70-80% ได้ รวมถึงงานภาคเอกชนก็มีการเข้าไปรับงานอย่างต่อเนื่อง โดยเราตั้งเป้าหมายของงานในมือจะต้องมีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี"นายปสันน กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 500-600 ล้านบาท แบ่งเป็นนำไปใช้ในการต่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรในพม่าเพื่อสร้างโรงงานพรี-แฟบ ใช้เงินลงทุนในหลักสิบล้านบาท ที่เหลือจะใช้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
นายปสันน กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะรับรู้รู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาราว 4,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการบารานี พาร์ค ร่มเกล้า มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท น่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ และ โครงการบารานี การ์เดนส์ รังสิตคลอง 3 มูลค่า 700 ล้านบาท คาดเปิดพรีเซลได้ในช่วงไตรมาส 2/58 รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม ลาซาน มูลค่า 2,500 ล้านบาท ที่จะแบ่งเป็น 4 เฟส จำนวน 7 อาคาร คาดจะเปิดตัวในปีนี้เช่นกัน
"โครงการบ้านเดี่ยวจะสามารถรับรู้ยอดโอนเข้ามาได้ในปี 59 เป็นต้นไป และคอนโดจะสามารถรับรู้ยอดโอนได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า"นายปสันน กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมเข้าไปรับงานเพิ่มเติมในต่างประเทศ ได้แก่ งานก่อสร้างเขื่อนพลังงานน้ำในประเทศลาว รวม 3 โครงการ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท และยังมีงานโยธาที่คาดหวังได้รับงานราว 1,000 ล้านบาทภายในปลายปีนี้