บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองหุ้น บมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI) เป็น "Neutral" ต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจ เนื่องจากการลงทุนใน Green Business ยังคงต้องรอการประมูลใบอนุญาตและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) ซึ่งมองเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีอีก 2 ธุรกิจหลักหลังการปรับโครงสร้างจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งยังคงมีความต้องการในตลาดที่ค่อนข้างสูง และธุรกิจกำจัดของเสีย ซึ่งหากบริษัทสามารถจับมือกับ potential partner ก็จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และต่อยอดธุรกิจได้
จากการเข้าประชุม Analyst meeting ทางผู้บริหารเปิดเผยว่าทางบริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Business) เพื่อรองรับสัมปทานบัตรเหมืองสังกะสีที่แม่สอดซึ่งกำลังจะหมดอายุลง โดยคาดจะใช้เงินลงทุนราว 1.5 พันล้านบาท จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน โดยหลังการปรับโครงสร้างจะมีการลงทุนใน
1) Material: บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจสังกะสีต่อไป แม้จะหยุดผลิตแร่จากเหมืองแม่สอด จ.ตาก ในราวปี 2559 หรือต้นปี 2560 แต่จะหันมามุ่งเน้นผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มเป็นหลัก เช่น ซิงก์ บอล พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ (high value added products) ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
2) Energy: 1.พลังงานลม (Wind energy) กำลังการผลิตประมาณ 54 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดนครราชสีมา 2.พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) กำลังการผลิตประมาณ 24 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดตาก และ 3.พลังงานชีวมวล (Biomass) จากปาล์มน้ำมัน ที่กำลังการผลิตประมาณ 8 เมกะวัตต์
3) Eco: ธุรกิจกำจัดของเสียอุตสาหกรรม รวมถึงของเสียจากภาคครัวเรือน ที่จังหวัดตาก แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนใน Green Business ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวมวลนั้นต้องรอการประมูลใบอนุญาตและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ซึ่งยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลาการประมูลชัดเจน แม้กระนั้นทางบริษัทก็เตรียมความพร้อมรอการประมูลเรียบร้อยแล้วทั้งทำเลที่ตั้ง และเทคโนโลยี