ทั้งนี้หากบริษัทฯเข้าถือครองหุ้นในสัดส่วน 70% จะมีการใช้เงินซื้อกิจการครั้งนี้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยเงินดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุน 9,000 ล้านบาท และการกู้ยืมเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) จำนวน 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้เตรียมแผนการชำระเงินไว้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าในปีนี้จะสามารถชำระหนี้ได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยเงินในการชำระหนี้จะมาจากการขาย None core assets ประกอบด้วยที่ดินเปล่าของ HEMRAJ ติดชายหาดบนเกาะล้าน มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะบันทึกเป็นกำไรประมาณ 200-300 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะขายอาคารสำนักงานให้เช่า อาคาร ยูเอ็ม ทาวเวอร์ UM Towe และจะจัดตั้งกอง REIT ที่มีสินทรัพย์ของ HEMRAJ เป็นสินทรัพย์อ้างอิงอีก 1 กอง มูลค่า 7,500 ล้านบาทในปี 59
อย่างไรก็ตาม จากแผนการชำระหนี้จะส่งผลให้ D/E จะลดลงเหลือ 1.2 เท่า ในปลายปีนี้ และจะต่ำกว่า 1 เท่าในปี 59 จากปัจจุบันมี D/E ที่ 1.8 เท่า
นพ. สมยศ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/58 คาดว่าผลประกอบการจะดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าเช่าเติบโตดีขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทฯ ได้ทำสัญญากับลูกค้าแล้ว 6 หมื่นตารางเมตร ซึ่ง 80% เป็น Buit to suit มีสัญญาระยะยาว 10 ปีขึ้นไป
ขณะที่ทั้งปี บริษัทฯ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตเท่าตัวจากปีก่อน ที่มีกำไร 978.62 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท จากปี 57 ที่มีรายได้ 5,057.69 ล้านบาท โดยรายได้จะมาจาก WHA ราว 7,000-8,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯจะรับรู้รายได้จาก บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) อีกประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่าเช่า รายได้ค่าบริการสาธารณูปโภค และรายได้ขายการขายที่ดิน ที่คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่ขายที่ดินได้ 680 ไร่ ส่งผลให้บริษัทฯ คาดว่ากำไรของ HEMRAJ ปีนี้จะดีกว่าปี 57
"รายได้ของ WHA ในปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 25-30% หรือแตะ 8,000 ล้านบาท และถ้าหากรวมกับ HEMRAJ ที่น่าจะมีรายได้เข้ามาอีก 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมปีนี้จะเติบโตเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 57 ขณะที่กำไรก็จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามรายได้ จากต้นทุนดอกเบี้ยลดลง หลังกนง.มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะทำให้ WHA สามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น" นพ.สมยศ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่คลังสินค้าให้เช่า โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่อีก 2 แสนตารางเมตร จากปัจจุบันมีอยู่ 1.2 ล้านตารางเมตร โดยจะดำเนินการก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติมบริเวณถนนบางนา-ตราด ,ชลบุรี-ระยอง,ลาดกระบัง,พระราม 2 และแหลมฉบัง อีกทั้งยังมีแผนจะขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ๆในต่างจังหวัด ที่ขอนแก่น ลำพูน และสุราษฎร์ธานี
ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะขยายอาคารสำนักงานให้เช่า โดยวางเป้าหมายจะให้มีพื้นที่เช่าเพิ่มเป็น 1 แสนตารางเมตรภายใน 3 ปี (58-60) จากปัจุบันมีอยู่ 30,000 ตารางเมตร โดยบริษัทฯอยู่ระหว่างการดำเนินการสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าเพิ่มอีก 1 แห่ง บริเวณถนนบางนา-ตราด โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 30,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนพื้นที่ให้เช่า 24,000 ตารางเมตร และพื้นที่ก่อสร้างพื่อลูกค้าเฉพาะราย 6,000 ตารางเมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี
ด้านการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มอาเซียนนั้น ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างการก่อสร้างพื้นที่คลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นที่ราว 2 หมื่นตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าไปสร้างคลังสินค้าในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะมีการเซ็นบันทึกความเข้าใจเพื่อร่วมกันศึกษาในรายละเอียดการลงทุนร่วมกับพันธมิตรเร็วๆนี้ ส่วนที่ลาว พม่า และเวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 1 แสนตารางเมตรภายใน 3 ปี
ส่วนการนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) ปีนี้มีแผนขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เดิมและตั้งกองใหม่ 3 ครั้ง มูลค่ารวมราว 1.35 หมื่นล้านบาท ได้แก่ สินทรัพย์ของ HEMRAJ ซึ่งจะจัดตั้งกอง REIT ใหม่มูลค่า 7,500 ล้านบาท, ตั้งกอง REIT ที่มีสำนักงานออฟฟิศให้เช่า SJ infinite I และสำนักงานให้เช่าย่านบางนา พื้นที่รวมกว่า 3,000 ตารางเมตรเป็นสินทรัพย์อ้างอิง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 3/58 และนำคลังสินค้าให้เช่าราว 1.7-1.8 แสนตารางเมตรขายเข้ากอง REIT เดิม( WHART) เพิ่มอีก มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายในช่วงไตรมาส 4/58
พร้อมกันนี้จะมีการออกหุ้นกู้ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อดำเนินการในช่วงเดือนเม.ษ.นี้ เพื่อใช้ในการรีไฟแนนท์หุ้นกู้เดิมที่จะหมดอายุลง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ คาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ 2-3 ครั้งในปีนี้
นพ.สมยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะดำเนินการโครงการโซลาร์รูฟ อย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ 4 MW ที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีนี้ และจากพื้นที่ที่บริษัทฯสามารถดำเนินการได้มีอยู่ถึง 1.2 ล้านตารางเมตร เมื่อนำมารวมกับพื้นที่ของ HEMRAJ บริษัทฯ ยังมีศักยภาพที่จะทำโครงการโซลาร์รูฟได้ราว 200 MW ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าหลายรายได้เข้ามาเจรจา อย่างไรก็ตามต้องรอติดตามว่าทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเปิดให้ขอใบอนุญาตได้เมื่อไหร่
บริษัทฯ จะมีการเดินทางไปในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อไปให้ข้อมูลนักลงทุน(โรดโชว์) โดยจะไปร่วมกับบล.ภัทร และโบรกเกอร์ต่างประเทศ อาทิ CLSA และโบรกเกอร์จากญี่ปุ่น คาดว่าช่วงเดือนก.ค.นี้ จะไปที่ฮ่องกง ,สิงคโปร์ ส่วนปลายปีจะไปในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งปีนี้การไปโรดโชว์จะมี HEMRAJ ไปร่วมด้วย อีกทั้งบริษัทฯคาดหวังว่า ปีนี้จะย้ายเข้าไปอยู่ใน SET50 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันมากขึ้น