SPALI เผยปีนี้มีแผนเปิด 28 โครงการใหม่ คาดรายได้ตามเป้า 2.2 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 16, 2015 16:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.86 หมื่นล้านบาท โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) 1.76 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ในปัจจุบันที่มีอยู่ 3.87 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยโอนไปจนถึงปี 61

ด้านยอดขายของบริษัทในปี 58 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ 1.93 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ. 58) บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2.1 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตจากยอดขายโครงการแนวราบ 20% แต่ยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมยังทรงตัว

"มองว่าในช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯที่มีความชัดเจน แต่ในต่างจังหวัดอาจจะยังไม่ดีมาก โดยโครงการแนวราบที่ผ่านมามียอดขายที่ดีกว่าคอนโดฯ ส่วนอัตราการ reject สินเชื่อที่ผ่านมาก็ยังทรงตัวจากปีก่อนที่ 6% แต่โดยรวมแล้วอัตราการ reject นั้นลดลงเมื่อเทียบกับปี 56 ที่สูงถึง 8% แต่จริงๆแล้วตอนนี้มีแบงก์สนใจเข้ามาปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าของบริษัทก็มากพอสมควร" นายไตรเตชะ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ทั้งหมด 28 โครงการ มูลค่ารวม 3.11 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดโครงการใหม่ 26 โครงการ มูลค่ารวม 2.76 หมื่นล้านบาท โดยโครงการใหม่ในปีนี้แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 19 โครงการ มูลค่า 1.61 หมื่นล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการในปีนี้ 70% เป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนอีก 30% เป็นโครงการในต่างจังหวัด โดยมีจังหวัดนครราชสีมาที่เป็นจังหวัดใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปพัฒนาโครงการ

ด้านงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 6 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อที่ดินเน้นในเขตกรุงเทพฯเป็นหลัก ซึ่งบริษัทมองเห็นการเติบโตและการเปิดที่ดินขายมากขึ้น หลังจากมีแผนการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ ประกอบกับราคาที่ดินปัจจุบันในแต่ละปีมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในระดับไม่ต่ำกว่า 10% ทำให้บริษัทจำเป็นต้องมีการเก็บที่ดินเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต อย่างไรก็ตามด้านต้นทุนก่อสร้างในปีนี้บริษัทมองว่ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการก่อสร้างลดลงราว 1-2%

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในปี 58 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 23.98% เล็กน้อยจากการบริหารต้นทุนการขายและบริหารที่ดีขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่ 41.67% เนื่องจากการโอนคอนโดมิเนียมศุภาลัยเวลลิงตัน รัชดา ที่ให้มาร์จิ้นต่ำกว่าปกติที่ 40% ส่งผลฉุดอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 10 มี.ค. มีมติอนุมัติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายปันผลเป็นไม่ต่ำกว่า 35% จากเดิมที่จ่ายในอัตราไม่ต่ำกว่า 45% นั้นบริษัทมองว่าในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับนโยบายการจ่ายปันผลลดลง หลังจากสถานการณ์การเงินของบริษัทมีความมั่นคง โดยมีกำไรสุทธิและรายได้เติบโต มีหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุนเพื่อรองรับการขยายการลงทุนในอนาคต แม้ว่าการปรับลดนโยบายการจ่ายปันผลลดลงจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นในระยะสั้นก็ตาม

"การปรับลดการจ่ายปันผลเป็นไม่ต่ำกว่า 35% จากเดิมไม่ต่ำกว่า 45% เราก็สามารถจ่ายได้ 40% 45% 49% ก็ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะปรับนโยบายเพราะบริษัทมีกำไรและรายได้เติบโต มีหนี้ไม่มาก อีกทั้งเราอยากจะมี room มากขึ้นในการจ่ายปันผล และมี room ที่จะสามารถนำเงินมาลงทุนรองรับการเติบโตในอนาคต แต่ในระยะสั้นๆก็กระทบกับผู้ถือหุ้นบ้าง"นายไตรเตชะ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ