"จากประสบการณ์ของเราที่ผ่านมา เราค่อนข้างมั่นใจน่าจะได้ 1 สัญญาในแต่ละสาย โดยแต่ละสัญญามีมูลค่าประมาณ 7-8 พันล้านบาทหรืออาจถึง 1 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ แล้ว ตัวที่เราสนใจคือรถไฟทางคู่ เพราะเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญ...บริษัทก็น่าจะมีโอกาสได้งานใหม่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ภาครัฐออกงานได้เร็วแค่ไหน ถ้าออกเร็วเราก็มีสิทธิจะได้เยอะ แต่ถ้างานออกมาช้า งานที่จะได้ก็ต้อง delay ออกไป "นายนที กล่าว
ปัจจุบัน UNIQ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3-4 ปี
ที่ผ่านมา UNIQ เข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า -แก่งคอย และช่วงบุใหญ่- แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง(Chord Lines) ซึ่ง UNIQ เป็น 1 ใน 6 บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ได้ผ่านคุณสมบัติและเตรียมเสนอราคา e-Auction
นอกจากนี้ จะมีการเปิดประมูลรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิร-ขอนแก่น , ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ
ทั้งนี้ บริษัทจะได้งานใหม่เพิ่มจากโครงการก่อสร้างถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ในสัญญาที่ 2 ซึ่งเป็นงานโยธาช่วงสะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 7.5 กม. โดยเข้าประมูลในนามกลุ่มกิจการร่วมค้า UN-SH-CH (บมจ.ยูนิคเอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ), Sinohydro Corporation, China Harbour Engineering) มูลค่างานประมาณ 7 พันล้านบาท โดยจะมีการลงนามสัญญากับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ในวันที่ 3 เม.ย. นี้
นายนที คาดว่า รายได้ปี 58 จะทำได้ประมาณ 8,000 - 10,000 ล้านบาท จากปี 57 ที่มีรายได้จากการับเหมาก่อสร้าง จำนวน 8,100 ล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ระดับ 4-6%