ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้อยู่ที่ 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่ารายได้ที่ปีก่อนทำได้ 9.43 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการเลือกและเน้นรับงานที่ให้ความเสี่ยงต่ำและเป็นงานระยะสั้นที่บริษัทมีความชำนาญ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากผลการขาดทุน
นอกจากนี้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ปีนี้ 80% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 59 ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม Backlog ในปัจจุบันยังไม่รวมงานรับเหมาไฮเปอร์มาร์เก็ต 14 แห่ง ที่ได้เซ็นสัญญาไว้แล้ว มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท และงานที่บริษัทไปรับเหมาก่อสร้างโครงการในประเทศพม่า
นอกจากนี้บริษัทยังได้อยู่ระหว่างการรอผลประมูลงานที่บริษัทยื่นประมูลไปมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถได้งานมูลค่าราว 5-6 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีแผนก่ารเข้าไปตั้งสาขาที่ประเทศพม่า เพื่อรับงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศพม่าในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งสาขา คาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ภายในปีนี้ ประกอบกับบริษัทอยู่ระหว่างการดีลงานรับเหมาในพม่าเพิ่มอีก 1 งาน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้เช่นกัน
ด้านงบลงทุนของบริษัทในปีนี้ตั้งไว้ที่ 100-200 ล้านบาท ใช้สำหรับการซื้อเครื่องจักรใหม่และการปรับปรุงเครื่อจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะใช้กระแสเงินสดของบริษัท สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 175 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทให้กับบุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (PP)
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้สำหรับการลงทุนต่างๆ ได้แก่ การลงทุนในโรงงานผลิตพรีแคสท์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 400-500 ล้านบาท อีกทั้งนำเงินไปใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ และเป็นกระแสเงินสดของบริษัท อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทมองว่าราคาที่เสนอขายนั้นยังต่ำกว่าความต้องการของบริษัท ทำให้จำนวนเงินที่บริษัทต้องการใช้ไม่เป็นไปตามที่ต้องการจำนวน 1.7 พันล้านบาท