รายได้ในปีนี้คาดว่าจะมาจากลูกค้าเก่าที่มีการซื้อซ้ำ 82% ซึ่งนับเป็นสัดส่วนถึง 95% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ อีกทั้งบริษัทจะเน้นงาน software and service มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าไปรับงานจัดระบบวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กรต่างๆ ให้มีปริสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากภาคเอกชนเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นราว 2% จากปัจจุบันบริษัทฯมีสัดว่วนรายด้มาจากธุรกิจฮาร์แวร์ 38% ,ธุรกิจ software and service 33% และ วัสดุสิ้นเปลือง 29%
ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 10 ล้านบาทเพื่อใช้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการภายในองค์กรให้เทียบเท่ามาตรฐานโลก นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV อาทิ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบับริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่พม่าเพื่อเข้าไปรับงานจัดการระบบซอฟแวร์และบริการ แต่เบื้องต้นพม่ายังติดปัญหาในเรื่องของเงินลงทุนที่มีค่อนข้างต่ำ
"ปีนี้น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 7-8% จากปีก่อน โดยสถานการณ์ในภาพรวมเริ่มกลับมาดีขึ้น ซึ่งในปีนี้จะเข้าไปเน้นรับงานซอฟแวร์และบริการมากขึ้น ขณะที่การเจรจากับพม่า ปัจจุบันฝั่งเขายังติดปัญหาเรื่องเงินลงทุนค่อนขางต่ำ หากตกลงเรื่องเงินกันได้ ก็สามารถเข้าไปรับงานได้ทันที สำหรับการลงทุนในปีนี้จะเป็นลงทุนในส่วนของการปรับโครงสร้างภายในองค์กรในบริษัทฯ โดยเงินดังกล่าวจะมาจากกำไรของบริษัทเอง และถ้ามีการลงทุนเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ก็ถือว่ามีศักยภาพด้านการเงินพอสมควร เพราะมีกำไรสะสมอยู่มาก"นายกิตติ กล่าว