ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะยังอยู่ในระดับที่ดีเป็นไปตามยอดโอนที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 2.65 พันล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 12% จากปีก่อนที่มียอดโอน 2.32 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทจะเน้นการควบคุมต้นทุนการขายและบริหาร(SG&A)ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนต้นทุนของ SG&A ปีนี้พยายามควบคุมให้อยู่ในระดับ 11.2% หรือใกล้เคียงกับปีก่อน
“แม้ว่า Gross Profit Margin จะลดลงแต่ก็ยังสูงกว่าอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับ 33-34% เพราะเราไม่เน้นการขายโครงการที่มีมาร์จิ้นมาก เพื่อทำให้ราคาขายไม่สูงมาก ซึ่งมันก็ส่งผลดีกับยอดขายของเรา ถ้าเราไปทำโครงการที่ราคาสูงๆมาก ยอดขายก็อาจจะไม่ไปเป็นตามเป้าหมาย"นายเสรี กล่าว
สำหรับยอดขายของบริษัทในไตรมาส 1/58 คาดว่าจะต่ำกว่าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆออกมาในช่วงเดือน ม.ค.ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ประกอบ หนี้สินครัวเรือน ณ สิ้นปี 57 ยังสูงถึง 85% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ(GDP)ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เห็นได้จากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงถึง 20-25%
นายเสรี กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3.12 พันล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะมีการพัฒนาที่ดีขึ้นในช่วงต่อจากนี้ อีกทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงยังส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
บริษัทวางแผนเปิดโครงการในปีนี้ 8-10 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด โดยครึ่งแรกของปี 58 จะเปิดตัว 5 โครงการ มูลค่าราว 2 พันล้านบาท เป็นโครงการในกรุงเทพฯ 2 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ ซึ่งเปิดขายไปแล้ว 1 โครงการ เป็นโครงการบ้านแฝดชั้นเดียวที่ จ.ชลบุรี และในสัปดาห์หน้าจะเปิดอีก 1 โครงการ หลังจากปิดพรีเซลล์โครงการบ้านหรู ลลิล กรีนวิลล์ ลักซ์ รามอินทรา มูลค่า 1 พันล้านบาทไปแล้ว
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด และตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 800-900 ล้านบาท โดยขณะนี้ใช้ไปแล้วบางส่วน