ทั้งนี้ ปีนี้มีกลยุทธ์การให้บริการหลังการขายและบริการแบบครบวงจรตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ครอบคุมพื้นที่ทั่วประเทศด้วยศูนย์บริการกว่า 50 จุดเพื่อรองรับการบริการของลูกค้าในแต่ละ พื้นที่และเข้าซ่อมสินค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทีมช่างและวิศวกรที่มีความาสามารถหลากหลายมากกว่า 1,600 คน และรถบริการกว่า 700 คัน และเตรียมเพิ่มบุคคลากรในปีนี้กว่า 200 คนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจช่วยให้เกิดการจ้างงานในประเทศ
นายนริศ กล่าวว่า ปีนี้จะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย แบบ"ออน กราวน์"(On Ground) โดยเพิ่มช่องทางการตลาดเครื่องชงกาแฟผ่านห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ผ่านช่องทางของ 24 Shopping ผู้นำด้านการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางที่หลากหลายในกลุ่มซีพีออลล์ แบบ"ออน แอร์" (On Air) โดยจำหน่ายเครื่องชงกาแฟผ่านสื่อโทรทัศน์ และแบบ"ออนไลน์"(Online) ผ่านทาง www.7catalog.com และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ
โดยคาดว่ายอดขายจากการเปิดช่องทางจำหน่ายกลุ่มใหม่ในปีนี้จะอยู่ที่ 25% จากปีที่แล้วที่ยังไม่มียอดขายจากช่องทางใหม่ดังกล่าว ขณะที่ยอดขายจากช่องทางจำหน่ายเดิมในปีนี้จะลดเหลือ 75% สำหรับช่องทางจำหน่ายกลุ่มใหม่ นอกเหนือจากการขายผ่านออนไลน์แล้ว ยังจะรุกตลาดเกิดใหม่ เช่น พม่า ,ลาว ,กัมพูชา เป็นต้น
"สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ไม่กระทบกับบริษัทเรา เนื่องจากสินค้าที่เราขายเป็น real sector ที่ผู้ประกอบการซื้อไปเพื่อไปทำธุรกิจต่อ โดยปีนี้ถึงแม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่บริษัทตั้งเป้าโต 15% มาจากความเข้มแข็งด้านการให้บริการหลังการขายของบริษัทดีต่อเนื่อง ซึ่งปีที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่ยอดขายก็ยังโตได้ 10%"นายนริศ กล่าว
นายนริศ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะเติบโตได้ 30% จาก 300 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยเป็นการเติบโตตามยอดขายที่ เพิ่มขึ้น ขณะที่ปีนี้ตั้งงบลงทุน 200 ล้านบาท สำหรับการเปิดโรงคั่วกาแฟ 2 แห่ง ในย่านมหาชัย และบางนา บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดในไตรมาส 3/58 ซึ่งเมื่อโรงคั่วกาแฟทั้งสองแห่งแล้วเสร็จ จะทำให้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 ตัน/เดือน
ขณะที่ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายและดูแลผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เฮนนี่ เพนนี คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องทอดและตู้รักษาความร้อนของผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารชั้นนำระดับโลกแต่เพียงผู้เดียวในไทย ได้ตั้งเป้ายอดขาย ปีแรกที่ระดับ 100 ล้านบาท โดยราคาตัวเครื่องอยู่ที่ 1 แสนบาท/เครื่อง โดยเบื้องต้นคาดจะจำหน่ายในไทยก่อน จากนั้นจะไปขยายไปยังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยคาดว่าสิ้นเดือนนี้จะมีการเซ็นสัญญากับมาเลเซียเพื่อจะนำเครื่องไปขายด้วย และมีแผนที่จะเข้าไปขายเครื่องทั้งในกัมพูชา พม่า และลาว ในระยะถัดไป
สำหรับส่วนยอดขายของซีพี รีเทลลิงค์ แบ่งเป็น อุปกรณ์เครื่องดื่ม เช่น เครื่องจ่ายกาแฟร้อน กาแฟเย็น ประมาณ 50% ,อุปกรณ์ด้านอาหาร 8% และส่วนที่เหลือเป็น อุปกรณ์เครื่องสร้างร้าน เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ กล้อง ขณะที่ในปีนี้ คาดว่ายอดขายอุปกรณ์ด้านอาหาร จะขยับเป็น 15% ขณะที่อุปกรณ์เครื่องดื่มก็จะเติบโตคู่กันไปด้วย และในปีนี้คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้อีก 1 บริษัทด้วย
นายนริศ กล่าวว่า สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้สร้างโรงคั่วกาแฟนั้น จะมาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ และยังไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเติมโดยเฉพาะการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะยังมีเงินสดเหลือจำนวนมาก ขณะที่ในอนาคตยังมีแผนจะทำธุรกิจการให้บริการดูแลเครื่องปรับอากาศในคอนโดมิเนียมหรู ขนาดราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยปัจจุบันเริ่มทำตลาดแล้วในคอนโดมิเนียมของซีพี แลนด์ แต่ก็ยังมองหาคอนโดมิเนียมอื่นด้วย ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทในอนาคต