อย่างไรก็ตาม มองว่าธุรกิจของซันสวีทความโดดเด่นน่าสนใจ และถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งซันสวีทมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดถึงร้อยละ 25 นับว่าอยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม อีกทั้งการที่บริษัทสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดญี่ปุ่นได้ ถือว่าเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของสินค้าว่ามีมาตรฐานในระดับสูง นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัท จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ KC และสามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้ และเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอ ไอ จะยิ่งตอกย้ำความตั้งใจของผู้บริหารที่จะสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรให้ยั่งยืนตลอดไปอีกด้วย
ด้านนายองอาจ กิตติบุญชัย ประธานกรรมการ บริษัท ซันสวีท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ รวมซึ่งเป็นเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการสร้างรากฐานให้มีความมั่งคงและยั่งยืน รวมทั้งยกระดับองค์กรให้มีความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เพื่อให้องค์กรและผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อถือตลอดไป
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.4 แสนตันต่อปี จากปีก่อนที่มีกำลังการผลิตประมาณ 90,000 ตันต่อปี และคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ30 จากปีก่อน ที่มีรายได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท จากการทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับแบรนด์ KC ในประเทศ พร้อมทั้งบริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพดหวานให้มีความเหมาะสมและมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด โดยได้จัดทำโครงการ SMART FARM เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพและสามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี
ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดี เพราะตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการข้าวโพดหวานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มหันมานำเข้าข้าวโพดหวานจากประเทศไทยมากขึ้นเมื่อเทียบกับข้าวโพดหวานจากประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากข้าวโพดหวานจากไทยสดและมีความคุณภาพที่ดีกว่า
นายองอาจ กล่าวว่า แบรนด์สินค้า KC ก็ได้รับความสนใจจากตลาดภายในประเทศไทยและเกาหลีเป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทมีความต้องการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบอาเซียน ซึ่งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต
อนึ่ง บริษัท ซันสวีท จำกัด เป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องและข้าวโพดหวานแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกในรูปแบบการรับจ้างผลิต และเพื่อนำข้าวโพดหวานไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าต่างๆ ประมาณร้อยละ 90 ไปยังประเทศในแถบเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ประมาณ 60 ประเทศ มากกว่า 200 บริษัททั่วโลก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น นับว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 20 ของยอดการส่งออกทั้งหมดของบริษัท ขณะที่ตลาดภายในประเทศ บริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้า KC ในห้างสรรพสินค้าและร้านมินิมาร์ททั่วประเทศ