นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดญี่ปุ่น ภายหลังจากที่ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ออกมาแล้ว แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯจะค่อยเป็นค่อยไป และการคาดการณ์ระดับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมาเหลือ 0.65% จากเดิมที่คาดจะขึ้น 1.25% ในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดฯยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์(commodity)ได้ปรับตัวขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันได้ขยับขึ้นด้วย ซึ่งตลาดบ้านเราวันนี้ก็น่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นบลูชิพ อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน และยังมีทริกเกอร์ฟันด์ที่ได้เปิดกองใหม่ ทำให้ตลาดฯน่าจะดีขึ้นได้ โดยได้เห็นการเริ่มซื้อหุ้นบลูชิพมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
พร้อมให้แนวรับ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,540-1,560 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(18 มี.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,076.19 จุด พุ่งขึ้น 227.11 จุด(+1.27%),ดัชนี
NASDAQ ปิดที่ 4,982.83 จุด เพิ่มขึ้น 45.40 จุด(+0.92%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.50 จุด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด(+1.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 29.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 205.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.68 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.65 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 มี.ค.58) 1,531.50 จุด เพิ่มขึ้น 18.66 จุด(+1.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 994.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มี.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 มี.ค.58) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 มี.ค.58)ที่ 9.61 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.64/66 กลับมาแข็งค่า หลังเฟดยังไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย
- บอร์ดเศรษฐกิจดิจิทัลไฟเขียวประมูล 4 จี ให้กสทช.ทำให้เสร็จในเดือนส.ค.นี้ พร้อมวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ-ตั้งศูนย์ข้อมูลใน 1 ปี เผย "ปรีดิยาธร" เตรียมเจรจา อสมท ใน 2 สัปดาห์ เรียกคืนคลื่น 2600 ร่วมประมูลด้วย ขณะเอไอเอส-ดีแทค ขานรับเต็มที่ คาดราคาใบอนุญาต 1.16 หมื่นล้าน
- นายกฯ ผวาเศรษฐกิจทรุด สั่งรายงานสถานการณ์ทุกสัปดาห์ ด้าน สศช.คาด ไตรมาสแรกปีนี้โตเกิน 3% จากมาตรการกระตุ้น ชี้ "ท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐ" ตัวขับเคลื่อนหลัก ขณะ "บัณฑิต" เชื่อกนง.ลดดอกเบี้ยหลังประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจเพิ่ม
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดย สศช.คาดว่าไตรมาสแรกของปีเศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างน้อย 3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวแค่ 2.3%
- สำนักวิจัยซีไอเอ็มบีไทยประเมินหาก กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งซ้อนตามสถิติที่เคยเป็น อาจทำให้กระสุนไม่พอหากปัจจัยนอกรุมเร้ากว่าที่คาด และต้องกดดอกเบี้ยต่ำกว่า 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเท่าที่มีมา วอนแบงก์ชาติส่งสัญญาณให้ชัด ห่วงนักลงทุนคาดทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาลง การลงทุนชะงักงัน ด้านค่าบาทคาดอ่อนแตะ 34-35
- "เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล"ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)เผยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นั้น ไม่ได้มีเอื้อให้ธุรกิจขนาดใหญ่แห่ออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนดอกเบี้ยถูก เนื่องจากเป็นการลดดอกเบี้ยลงน้อยและส่งผลต่อเรื่องต้นทุนน้อยมาก อีกทั้งธุรกิจไทยอยู่ในภาวะดอกเบี้ยต่ำมานานมากแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 31 บาท การเข้าซื้อ Bangkok Polyester ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต PET อีก 2.7% นอกจากนั้นยังมีผลประโยชน์ในเรื่องโลจิสติกส์จากทำเลของโรงงานที่อยู่ใกล้กันด้วย บริษัทยังมีดีลเข้าซื้อกิจการที่จะสรุปในช่วงกลางปีนี้อีก โดยมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่มราว 1.3 ล้านตัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหลักมาจากการกู้ยืม ซึ่งดีล M&A จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะต่อไป
- KTB(โกลเบล็ก)เป้า 26.60 บาท คาดกำไรปี 58 ที่ 3.5 หมื่นลบ.(+6%) จากเป้าสินเชื่อขยายตัวขึ้น 6-7% เน้นสินเชื่อ SME เพื่อให้ NIM > 2.6% , รักษา NPL อยู่ที่ระดับ 2.3% ,ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเป็น 700 ลบ./เดือน ฐานการเงินแข็งแกร่งจาก Coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 132% และได้ประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐปี 2558 เนื่องจากมีสินเชื่อภาครัฐสัดส่วนสูง ด้านราคาหุ้น laggard P/E 9.7 เท่า , P/BV 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคาร และ yield 4% สูงสุดในกลุ่มแบงก์
- หุ้นกลุ่มพลังงาน(ทรีนีตี้)มองว่าจะได้รับอานิงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้น แต่มองว่าจะเป็นการปรับขึ้นเพียงชั่วคราวเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะปริมาณ Supply ที่ยังคงเอ่อล้นในตลาดโลกอยู่ ดังนั้นหากราคาหุ้นกลุ่มนี้มีการปรับตัวขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว มองเป็นโอกาสที่ดีในการลดน้ำหนักการลงทุนลง