รวมถึงต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะส่งผลทำให้ในช่วงไตรมาส 2/58 จะไม่มีการรับคำสั่งซื้อของลูกค้า เนื่องด้วยบริษัทต้องการปรับเปลี่ยนสายการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับค่ายโตโยต้าบางสายการผลิตไปเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ฟอร์ด ซึ่งจะใช้ เวลาในการติดตั้งตลอดทั้งไตรมาส
"ปีนี้เป็นปีสำหรับการปรับสัดส่วนของลูกค้า คาดว่าโตโยต้าจะปรับลงมา และกลุ่มฟอร์ดจะปรับขึ้น ซึ่งจะเพิ่มขึ้นมาใกล้กับกลุ่มนิสสัน ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายในช่วงไตรมาส 2/58 จะลดลง และจะกลับมาดีขึ้นได้ในไตรมาส 4/58 หลังออเดอร์กลุ่มฟอร์ดเข้ามา ส่งผลให้ทั้งปีเป็นปีที่ผลประกอบการไม่ดีนัก ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ หลังจากปรับสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวจะดีขึ้น 3-4% ในภาพรวม"นายจุมพล กล่าว
นายจุมพล คาดว่า ผลการดำเนินงานจะเริ่มกลับมาดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/58 หลังการปรับสัดส่วนการผลิตมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และจะส่งผลให้ในปี 59 บริษัทจะเริ่มกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้ารับงานในโมเดลรุ่นใหม่ ได้แก่ แม่พิมพ์ และตัวฉีด ซึ่งคาดว่าจะได้รับออเดอร์ในปี 59
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ระดับ 40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรเป็นหลัก ขณะที่มองอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 7-10% โดยคาดว่าจะมียอดผลิตรถยนต์ประมาณ 2 ล้านคัน จาก 1.88 ล้านคันใน ปีก่อน ส่วนแนวโน้มการส่งออกน่าจะรักษาระดับการส่งออกไว้ที่ประมาณ 7.9 แสนล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลักยังเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน รองลงมาจะเป็นตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย