นพ.สมยศ ซึ่งกำลังจะเข้าไปกุมอำนาจการบริหาร HEMRAJ อย่างเต็มตัวเร็วๆ นี้ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในบอร์ดของ HEMRAJ 12 คน ทาง WHA จะส่งตัวแทนเข้าไป 8 คน โดยตนเองจะนั่งเป็นประธานบอร์ด ส่วนนางจรีพร อนันตประยูร เป็นรองประธาน ขณะที่นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน จะยังคงทำหน้าที่เป็น CEO ของ HEMRAJ ต่อไป และมีตัวแทนของ HEMRAJ ในบอร์ดอีก 4 คน
"จากนี้อะไรที่เป็นจุดอ่อนเราจะเข้าไปแก้ก่อน อันไหนเป็นจุดแข็งก็เข้าไปเสริมกัน แต่มันต้องใช้เวลา เพราะบางอย่างข้อมูลเรายังไม่มี เพราะเรายังได้ข้อมูลมาไม่หมด แต่เมื่อเราถือเกิน 50% ทุกอย่างจะเริ่มเดิน กลไกเริ่มเดิน...คุณสวัสดิ์ (สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง) แกก็บอกอะไรที่ยังมีปัญหาแกจะเคลียร์ให้ แกไม่ได้ทิ้ง แค่อยากรีไทร์ตัวเอง แต่ก็อยากให้คนที่ไว้ใจได้มาฝากให้ดูแลต่อ เผอิญเราเป็นจิ๊กซอร์ที่ต่อกันพอดี"นพ.สมยศ กล่าว
*ลงทุนอย่างรอบคอบ-ยิ่งใหญ่โอกาสล้มเหลวยิ่งมาก
"หลักการด้านการลงทุนของ WHA คือลดความเสี่ยงให้ต่ำสุด ไม่ขยายไปเรื่อยๆโดยไม่มีเหตุผล ลูกค้าต้องมีมากพอ มีการเติบโต Flexible ไม่ได้ไปเพราะความอยาก..อย่าเสี่ยงสุ่มทำไปเรื่อย...คิดอยู่เสมอว่ายิ่งใหญ่โอกาสล้มเหลวยิ่งมาก ต้องรอบคอบ อย่าคิดว่าทุกอย่างง่ายไปหมด นี่คือความเสี่ยงอย่างมโหฬาร
อะไรที่เราทำหรือคิดจะทำ จะไม่ลุยเข้าไปโดยไม่มีความรู้ เราจะหาความรู้ให้มากที่สุด เยอะที่สุด หรือหาผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญ เรายืดหยุ่นได้ทุกกรณี"
*จับทิศทางลุยตลาด AEC
"วันนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเพราะข้อขัดแย้งทางการเมืองเบาลงแล้ว แต่อาจจะติดอยู่นิดหน่อยคือเรื่องกฎอัยการศึก เพราะบางประเทศถ้าเค้าเห็นมีเรื่องนี้ก็จะไม่เข้ามา ขณะเดียวกันผมมองว่าจะค่อยๆ Pick up
ขณะเดียวกัน AEC ก็ยังเป็นจุดดึงดูดมากที่สุดในโลก เพราะที่อื่นเต็มหมดแล้วไปไหนไม่ได้ AEC จะ Growth ขึ้นเยอะ และถ้าเมื่อไหร่ร่วมมือกันก็จะเหมือนยุโรปช่วงแรก เศรษฐกิจโตขึ้นมาก พอไม่มีขอบเขตภาษี คนลงที่เดียวกระจายไปทั้งหมดใน Area 300 ล้านคน 600 ล้านคนคุ้มมาก เรื่องภาษีสำคัญมากเพราะแต่ละที่ภาษีไม่เหมือนกัน วุ่นวายมาก แต่เมื่อไหร่ไม่มีกำแพงภาษีระหว่างประเทศทุกอย่างจะอำนวยความสะดวกขึ้นเยอะมาก นี่คือจุดนึงที่เราสนใจตลาด AEC
และประเทศไทยมีศักยภาพการเป็นผู้นำด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมากที่สุดเมื่อเทียบกันใน 10 ประเทศ เราพร้อมทั้งด้านเนื้อที่ โลจิสติก และต้องมีความมั่นคงทางภูมิศาสตร์ ไม่เจอพายุ ไม่เจอภูเขาไฟ ต้องมีกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญ มีทีมงานที่มีฝีมือ สำหรับอินโดนีเซียถึงจะมีเนื้อที่มากแต่มีเกาะถึง 200 เกาะ แต่ก็อยู่ไกลไป แต่ที่เราจะไปทำเราเลือกแล้วว่าตรงไหนดี ตรงไหนทำได้
ส่วนสิงคโปร์ส่วนใหญ่เน้นธุรกิจการเงินการบริการแต่ด้านนิคมอุตสาหกรรมไม่มีทางเพราะพื้นที่เล็ก มาเลเซียก็เป็นชาติมุสลิมที่มีข้อจำกัดมากและคนน้อย น่าจะมาลงทุนกับเรามากกว่า เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ย้ายมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว จึงมีคนงานฝีมือมาก
สำหรับเวียดนาม ซึ่ง AMATA มีการเข้าไปลงทุนนั้น เรามองว่าในนิคมอุตสาหกรรม HEMRAJ ถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย มีมาร์เก็ตแชร์มาเกือบจะมากที่สุดประมาณ 40-50%, AMATA 30% ส่วน ROJNA คือที่เหลือ ด้านกลยุทธวางแผนซื้อที่ดินแต่ละคนก็คนละแบบ ของบางบริษัทตัวเองคือเอาบริษัทขยายชายขอบออกไปพอชาวบ้านรู้ก็หาซื้อที่ยาก
แต่ HEMRAJ ซื้อที่เป็นกลุ่มก้อน ทีละประมาณ 2-3 พันไร่ ซึ่ง 3 พันไร่ตั้งนิคมฯได้ 1 แห่งทำให้ HEMRAJ ขยายได้ง่ายประกอบกับ มีความสามารถในการให้บริการ Facility ทั้งน้ำ-ไฟฟ้า มีการบริหารจัดการผังที่ทำให้สามารถดูแลนิคมฯหลังการขายได้ดี เพราะฉะนั้นทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่คือข้อได้เปรียบของ HEMRAJ ที่ทำให้ WHA ตัดสินใจของลงทุนใน HEMRAJ เพราะเรามองเห็นศักยภาพการเติบโตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การไปลงทุนในต่างประเทศต้องมีความยืดหยุ่นสูง อะไรที่เป็นไปได้แต่เงื่อนไขข้อตกลงเยอะ เราก็จะตกลงไม่ให้เราเสียเปรียบ Win-Win ไปด้วยกัน ยกเว้นประเทศนั้นๆ กฎระเบียบไม่แน่นอนเราก็ต้องช้าๆ"
*เชียร์รถไฟความเร็วปานกลางดันไทยเป็น Hub ด้านโลจิสติกส์
"โครงการรถไฟความเร็วปนกลางผมว่าดีนะ จะทำให้ไทยเป็น Logistic Hub ในภาพรวมดี ถ้าใช้ขนส่งสินค้านะ ไม่ใช่ขนแต่คน เพราะจะทำให้ต้นทุนสินค้าต่ำลง โดยภาพรวมดีอยู่แล้วเพราะจะเกิดประโยชน์กับเราด้วย และจุดเชื่อมน่าจะอยู่แถวๆ นิคมฯ ของ HEMRAJ
ภาพรวมมันดี แต่รายละเอียดจะลงไปทำจริงๆ ต้องทำอีกหลายๆอย่าง เวลาเราพูดถึงรถไฟฟ้า อย่างน้อยก็อีกหลายปี ไม่ใช่ว่าพอพูดว่าจะทำเราก็โดดไปซื้อ แบบนั้นเค้าเรียกเก็งกำไร ถ้าไม่เกิดขึ้นจริงทำไงล่ะ คนชอบเก็งกำไรแบบนี้เยอะ แต่ WHA ไม่ชอบเก็งกำไร เราต้องการอะไรที่แน่นอน ทำแล้วได้ประโยชน์แน่นอน ผลตอบแทนต้องแน่นอน"
*รวมแผน CSR จับมือทำงานร่วมกับชุมชน
"นโยบายด้าน CSR การทำงานร่วมกับชุมชนของ HEMRAJ มีอยู่แล้ว ขยะอิเลคทรอนิคใน HEMRAJ มีการบริหารจัดการดูแลแบบ Strict มาก HEMRAJ ให้ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ส่วน WHA ที่ผ่านมาเรายังมีไม่มากเพราะก่อนหน้านี้เรายังไม่ได้เกี่ยวข้องกับชุมชนมากนัก แต่หลังจากนี้คงต้องมาดูและรวมแผนกันกับของ HEMRAJ อีกที และเราจะทำให้ดีกว่าเดิม รวมทั้งนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการปัญหาขยะตามโรดแมพของ คสช.
อย่างที่บอกว่า อะไรที่ทำแล้วดี เป็นประโยชน์เราพร้อมทำแต่ต้องขอศึกษารายละเอียดโครงการ ข้อมูลทั้งหมดต้องมากพอ โครงสร้างทางการเงินดีมั้ย ถ้าครบมากพอแล้วค่อยมาตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับมันเพิ่มหรือไม่ ลงทุนเยอะหน่อยแต่คุ้ม เป็นไปได้มากสุด อะไรที่เราศึกษามาแล้วและเกี่ยวข้องกับเรา"
*ตั้งเป้าอีก 5 ปีเป็นที่ 1 ใน South East Asia
"อีก 5 ปีข้างหน้า WHA น่าจะครบวงจรและไปได้กว้างๆ น่าจะเป็นอันดับต้นๆของ South East Asia น่าจะมีผู้ร่วมลงทุนที่เป็นต่างชาติด้วยเพราะเราต้องการ Joint Venture เพื่อให้ไปได้ไกลกว่านี้
สำหรับการที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จะขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 พื้นที่ของประเทศนั้น WHA สนใจจะเข้าไปร่วมลงทุนหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนด้วยว่า 1.ลูกค้ากลุ่มไหนจะไปอยู่ 2.จุดหลักของรัฐต้องการอะไร 3.มี Privillage อะไรบ้าง โครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure เป็นยังไง เราเองยังไม่ได้เข้าไปดู แต่ถ้ามีลูกค้าสนใจอยากจะเข้าลงทุน และต้องการความร่วมมือ เราจะเข้าไปศึกษาความเหมาะสมว่าจะไปเอง ร่วมศึกษากับผู้ลงทุน หรือบางพื้นที่เจ้าของมีที่ดินอยู่แล้วแต่ไม่มี Knowhow อยู่ที่ความเหมาะสม
ขณะที่กอง REIT อีก 5 ปี 5 หมื่นล้านบาทน่าจะได้"