SPALI คาดยอดโอนฯครึ่งแรกปี 58 โตเท่าตัว,เดินหน้าขยายตจว.แต่เน้นแนวราบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 23, 2015 11:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย(SPALI) กล่าวว่า ยอดโอนโครงการของบริษัทในครึ่งปีแรกของปี 58 คาดว่าจะมีการเติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดโอนฯ คิดเป็น 55% ของเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จากครึ่งแรกของปีก่อนมีสัดส่วนยอดโอนโครงการเพียง 30% ของเป้าหมายรายได้ เนื่องจากงปีนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการทยอยโอนต่อเนื่องมาจากปี 57

ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมที่จะโอนรวมทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัยพรีเมียร์ อโศก และโครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัยเวลลิงตัน ที่ทยอยโอนต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อนมาถึงปี 58, โครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัยปาร์ค เอกมัย-ทองหล่อ เริ่มโอนตั้งแต่ มี.ค.58 โครงการคอนโดมิเนียมโอเชียนปาร์ค รีสอร์ท หาดใหญ่ เริ่มโอนในช่วงเดือน เม.ย.58 และโครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัย พรีมา ริวา เริ่มโอนช่วงเดือน พ.ค.58

นอกจากนั้น ยังคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วนการโอนโครงการที่มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก เป็นไปตามปติของทุกปีโดยปีนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัย ไลท์ สาทร-เจริญราษฎร์ ที่จะเริ่มทยอยโอนฯตั้งแต่เดือน พ.ย.58 และจะโอนต่อเนื่องไปถึงปี 59

นายไตรเตชะ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการดำเนินงานอยู่ระหว่างการพัฒนาประมาณ 88 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่ากว่า 78,000 ล้านบาท มียอดขายรอโอน(Backlog) ที่ 3.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ราว 1.76 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 61 ขณะที่บริษัทมีโครงการเหลือขายในปัจจุบันที่ 4.11 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรองรับการเติบโตของยอดขายและรายได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท และยอดขายที่ 2.3 หมื่นล้านบาท

บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 28 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เปิดโครงการใหม่ 26 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.76 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้จะเปิดโครงการแนวราบ 19 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.61 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 70% ของโครงการในปีนี้จะอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล

ส่วนอีก 30% ของโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะอยู่ในต่างจังหวัด สัดส่วนลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 50% เนื่องจากมองว่าภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดยังได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อชะลอตัว ประกอบกับ ยังมีภาวะสินค้าล้นตลาด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดที่เกิดการ Over Supply ดังนั้น บริษัทจึงวางแผนเปิดโครงการใหม่เป็นแนวราบทั้งหมด เพราะมองว่ายังมีทิศทางที่ดี

นายไตรเตชะ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 58 คาดว่าจะเติบโต 5-10% ซึ่งเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยตลาดในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักจากการกระตุ้นของภาครัฐในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้ามีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะรอนโดมิเนียม แต่ในต่างจังหวัดนั้นโครงการแนวราบมีทิศทางที่ดีกว่าโครงการคอนโดมิเนียม แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนนักก็ตาม

"เศรษฐกิจไทยยังไม่ดีขึ้น และภาระหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง แต่เชื่อว่าสัญญาณกำลังซื้อจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีสถาบันการเงินมีข้อเสนอที่น่าสนใจมาเสนอกับบริษัทเพื่อให้ลูกค้ากู้เงินเพื่อซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มองว่าเต็มใจที่จะปล่อยกู้ให้กับลูกค้าบริษัท แม้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/57 มาอยู่ที่ 6% จาก 5.6% ขณะเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างจะลดลง 1-2% และมีแรงงานพอเพียงไม่ขาดแคลนเหมือนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอัตราค่าที่ดินก็ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นปีละ 5-10% โดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า"นายไตรเตชะ กล่าว

บริษัทยังคงขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองต่างๆ ในภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบ ส่วนอาคารสูงจะมีเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยว จังหวัดที่เลือกลงทุน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง และอุบลราชธานี ตลอดจนมีแผนขยายการลงทุนพัฒนาโครงการเพิ่มเติมในจังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและเป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้า ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งงานโครงการแนวราบและอาคารสูง โดยได้พัฒนาที่อยู่อาศัยในโครงการแนวราบมาแล้ว ประมาณ 19,000 ยูนิต และอาคารสูง ประมาณ 36,000 ยูนิต

ล่าสุด บริษัท หาดใหญ่นครินทร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SPALI เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 900 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบมูลค่ารวม 800 ล้านบาท โดยมองว่าหาดใหญ่ยังเป็นอำเภอที่มีศักยภาพในภาคใต้ แม้ว่าปัจจุบันจะชะลอตัวลงกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยอดขายก็ยังเติบโตได้ จากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังมีอยู่ ประกอบกับหาดใหญ่เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ และจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจให้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ