ฝ่าย SLC ระบุว่าบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 10 ราย ได้ร่วมกันหมิ่นประมาทในหลายกรรมหลายวาระที่เกี่ยวข้องกับการที่ SLC ได้เข้าซื้อหุ้น NMG จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้กล่าวหาว่า SLC เป็นตัวแทนเชิดของกลุ่มชินวัตรหวังจะเข้าบริหารสื่อทีวีดิจิตอลและควบคุมสื่อไว้ในมือ เพื่อควบคุมทิศทางข่าวและสังคมให้เป็นไปในแนวทางที่ต้องการโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง คุณธรรม จริยธรรม มีแหล่งที่มาของเงินที่น่าสงสัย เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดและมีกรรมการหรือตัวแทนของเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อหาแหล่งทุนมาซื้อสื่อ เพื่อต้องการปิดกั้นสื่อและชี้นำสังคมให้เป็นไปใน ทิศทางที่ต้องการ เป็นผู้ปั่นหุ้น เป็นการกระทำความผิดทางอาญาและเป็นความผิดอาญาทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง และมีการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
การร่วมกันนำเสนอข่าวดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ SLC ทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้อ่านข่าวเชื่อว่าโจทก์เป็นบริษัทที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ การดำเนินธุรกิจของโจทก์เป็นการกระทำที่มีความน่าเคลือบแคลงสงสัยที่จะครอบงำการนำเสนอข่าวสาร โดยการอ้างแหล่งข่าวและสร้างกิจกรรมต่างๆขึ้นมาเพื่อประกอบให้มีความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีการอันแยบยลของความเป็นสื่อมืออาชีพ เพื่อให้ครบองค์ประกอบที่จะนำเสนอข่าวได้ โดยอ้างความชอบธรรมของบริษัทในเครือเนชั่นฯ และใช้สื่อทุกแขนงสร้างกระแสข่าวและนำเสนอข่าวสารให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน จากกลุ่มทุนที่มีเจตนาครอบงำกิจกรรมการสื่อสารมวลชน เป็นการกระทำหน้าที่ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพและนำเสนอข่าวดังกล่าวเพื่อประโยชน์สาธารณะ
การสร้างกระแสข่าวระหว่างวันที่ 23 ธ.ค.57-13 ม.ค.58 อย่างต่อเนื่อง เป็นกระบวนการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของโจทก์ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ การเผยแพร่ข้อความเท็จดังกล่าว มีเจตนาร่วมกันใส่ความโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนและเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง โดยการนำข้อความอันเป็นเท็จลงในหนังสือพิมพ์และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเป็นการหมิ่นประมาทต่างกรรมต่างวาระ เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,90,91, 326, 328 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3,14, 15
"การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 10 เป็นการร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของโจทก์ หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้ หรือทางเจริญของโจทก์ โดยประการอื่น เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสิบต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้น รวมค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 2,343,005,267.90 บาท"โจทก์ ระบุในคำฟ้อง
ทั้งนี้ หากศาลจะได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งสิบกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ จำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 10 จะขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามที่แสดงถึง การขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 89/6 เมื่อโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการของจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ถือหุ้น จำนวนร้อยละ 12.27 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะขอให้ปลดจำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 10 ออกจากการเป็นกรรมการ และผู้บริหารของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ด้วย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง