"ปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่ยากลำบาก ขณะที่ปีนี้สถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะการเมืองค่อนข้างนิ่ง เรามองเป้าหมายรายได้ปีนี้ก็น่าจะเติบโตมาอยู่ที่ 20,000 ล้านบาทได้ เป็นผลจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มสูงขึ้น คาดว่า EBITDA Margin ของธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะอยู่ที่ 33-34% จากปีก่อนที่ 30% ขณะที่ธุรกิจอาหาร เรามีนโยบายเน้นการทำกำไรในระยะยาว ซึ่งปีนี้ก็ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันลดลง ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่ำ"นายรณชิต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนรวม 5 ปี (58-62) จำนวน 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในธุรกิจโรงแรม จำนวน 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 8,000 ล้านบาทสร้างโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่งในมัลดีฟ จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 2 แห่ง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 59 ขณะที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนพันธมิตรท้องถิ่นในพม่าและศรีลังกาเพื่อเข้าไปบริหารงานโรงแรม และจะเข้าไปถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้อย่างน้อย 1 ราย เบื้องต้นน่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังใช้ลงทุนปรับปรุงโรงแรมเดิมที่มีอยู่ อีกจำนวน 4,000 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนห้องพักของโรงแรมในประเทศที่ หัวหิน พัทยา และภูเก็ต จะใช้เงินลงทุนปรมาณ 7,000 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจอาหาร จะใช้เงินลงทุนราว 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปรับปรุงสาขาเดิม 2,000 ล้านบาท ขยายสาขาใหม่ 4,000 ล้านบาท และเข้าซื้อกิจการแบรนด์อาหารเพิ่มอีก 1 แบรนด์ คาดใช้เงินจำวนวน 1,000 ล้านบาท มองว่าอาจจะยังไม่ได้เห็นในปีนี้ เพราะจะเน้นการทำกำไรในธุรกิจอาหารเป็นหลักรับอานิสงส์ราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลต่อต้นทุนปรับลดลงตาม คาดว่า EBITDA Margin น่าจะขยับเพิ่มเป็น 12% จากปีก่อนอยู่ที่ 9%