ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนลบราว 0.5-0.7% คาดว่ามาจากการมองตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่ช่วงหลังก็ออกมาต่ำกว่าคาด เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนแย่ลง และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาต่ำกว่าคาด เป็นจุดที่นักลงทุนจะ take profit ได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ แนวโน้มเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าตลอดทั้งปี ทำให้เม็ดเงินที่จะไหลเข้าเอเชียดูไม่น่าจูงใจเท่าไร อีกทั้งหากมองภาวะตลาดทั่วโลกในขณะนี้เห็นได้ว่า valuation ค่อนข้างตึงตัวแล้ว โดยตลาดสหรัฐฯเทรด P/E 17 เท่า, ตลาดยุโรปเทรด P/E 16 เท่า แม้แต่ตลาดญี่ปุ่นก็เทรดที่ P/E 17-18 เท่า
ส่วนตลาดหุ้นไทยแม้ว่าดัชนีฯจะปรับตัวลงมาราว 100 จุด แต่จากการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ ทำให้ P/E ของตลาดในขณะนี้ไม่ได้ปรับลงเท่าไรยังคงเทรดแถว 15 เท่า ตลาดฯคงปรับตัวขึ้นได้ลำบาก และดูเหมือนตลาดฯยังตอบรับการปรับลดประมาณการน้อยเกินไป ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากความคาดหวังเม็ดเงิน QE จากต่างประเทศ ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมี valuation ที่ไม่น่าสนใจเท่าใดนัก
พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด สำหรับการเทรดระยะสั้น ส่วนแนวต้าน 1,520-1,515 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(25 มี.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,718.54 จุด ร่วงลง 292.60 จุด(-1.62%),ดัชนี
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 140.60 จุด หรือ -0.71%, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 15.61 จุด หรือ -0.76%, ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 88.20 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.25 จุด หรือ -0.12%, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.87 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.33 จุด หรือ +0.04%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(25 มี.ค.58),512.80 จุด ลดลง 1.65 จุด(-0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,332.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 มี.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(25 มี.ค.58) ปิดที่ 49.21 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.7 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(25 มี.ค.58)ที่ 9.63 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.56/58 แกว่งแคบ มองกรอบวันนี้ 32.50-32.60
- พาณิชย์เผยส่งออกเดือนก.พ.ร่วง 6.1% เฉลี่ย 2 เดือนแรก ติดลบ 4.8% จากส่งออก น้ำมัน-ทองคำลดลง นักเศรษฐศาสตร์ชี้น่าห่วง ต่ำกว่าคาดการณ์ หวั่นทั้งปีโตต่ำกว่า 1%
- "ณรงค์ชัย" เร่งแก้อุปสรรคดันโครงการลงทุนพลังงานปีนี้หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ยอมรับรัฐบาลกังวลเศรษฐกิจปีนี้โตไม่มาก ยันไม่ใช้วิธีการลดราคา เดินหน้าออกประกาศเชิญเอกชนลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมหลังแก้ไขกฎหมายเสร็จ ปตท.คาดราคาน้ำมันอยู่ระดับต่ำ เหตุโครงสร้างการใช้พลังงานเปลี่ยนมาใช้ก๊าซมากขึ้น นักวิชาการกระตุ้นเอกชนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
- "สมหมาย" ระบุ รัฐบาลยอมรับการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ให้จัดเก็บภาษีมรดก 5% ของมูลค่ามรดก จากเดิม 10% แลกกับการคงจัดเก็บมรดกส่วนที่เกินกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่ "กรุงเทพโพลล์"เผยนักเศรษฐศาสตร์ ส่วนใหญ่ 58% หนุนภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง แนะเก็บบ้านราคา 3 ล้านขึ้นไป ค้านภาษีที่ดินเกษตรกรรม เชื่อเก็บให้"อปท."ไม่ช่วยพัฒนาท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่ต่อโควตาให้นิติบุคคลที่ผูกขาดสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งจะหมดอายุสัมปทานภายในเดือน ก.ค.นี้ ต่อไปจะหาทางลดต้นทุนสลากให้อยู่ในระดับราคา 65 บาท เพื่อให้จำหน่ายไม่เกิน 80 บาท นอกจากนี้ จะเปลี่ยนวิธีการรับสลาก โดย กทม.ให้รับที่สำนักงานสลากฯ ต่างจังหวัดให้รับที่ศาลากลางจังหวัด
- ก.ล.ต.เข้มคุมเพิ่มทุนพีพี-ให้ระมัดระวัง การให้ข้อมูลและต้องขออนุญาตก่อนจัดสรรพีพี เปิดเฮียริ่งถึงวันที่ 2 เม.ย.นี้ ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน-รายใหญ่ เห็นพ้องมองเป็นสิ่งที่ดีเชื่อช่วยป้องกันผู้ถือหุ้นเดิมถูกเอาเปรียบ ขณะที่บริษัทจดทะเบียนหวั่นขั้นตอนมากใช้เวลาระดมทุนนานอาจกระทบธุรกิจ
- สมาคมโรงแรมคาดอัตราเข้าพักปีนี้แตะ 80% เทียบปีก่อนที่ 60-65% จาก แรงหนุนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น ด้าน 'เซ็นเทล' ชี้จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้มากกว่าที่ ททท.ประเมินไว้ ขณะที่ผู้บริหารมองเกณฑ์คำนวณภาษีที่ดินใหม ช่วยลดผลกระทบ
- กสิกรไทยชี้เศรษฐกิจชะลอกดดันการทำกำไรของธุรกิจขนาดใหญ่ลดลง 1-2% ในปีนี้ มั่นใจฐานะการเงินยังดีไม่กระทบความสามารถการชำระหนี้ ขณะเดียวกันแนวโน้มการซื้อ-ควบรวม ยังเพิ่มขึ้นถึงปีหน้าในกลุ่มรายใหญ่ด้วยกันเองเผยมีโอกาสลงทุนต่างประเทศเพิ่มจากค่าเงินยุโรปที่อ่อนค่า คาด 2-3 ปีข้างหน้าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศเพิ่มเป็น 1 ล้านล้าน ส่วนสินเชื่อไตรมาสแรกยังโต 1%
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPCO(ฟินันเซีย ไซรัส)ราคาหุ้น 6.25 บาทแทบไม่ได้ให้มูลค่าโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 23MW ที่จังหวัดมิยากิ ญี่ปุ่น แบ่งเป็น 2 โรง(10MW และ 13MW)อยู่ระหว่างก่อสร้างและมีกำหนดสร้างเสร็จปีนี้ เริ่มจ่ายไฟปี 59(ไม่นับที่กำลังเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าเล็กๆเพิ่ม) ซึ่งจะทำให้กำไรปีหน้าโตกระโดด 154% Y-Y ส่วนปีนี้คาดโต 15% Y-Y จากการฟื้นตัวของโรงพิมพ์และโรงไฟฟ้าในไทย 16.1MW ทั้ง 2 ธุรกิจมีมูลค่าประมาณ 5 บาทเศษ รวมกับโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น 3 บาทเศษ เป็น 8.20 บาท แม้ PE ปีนี้ค่อนข้างสูง 17 เท่าแต่จะลดเหลือเพียง 7 เท่าในปีหน้าเมื่อโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเปิด
- BANPU(โกลเบล็ก)เป้า 35.60 บาท คาดกำไรปี 58 ที่ 3.2 พันลบ.(+21%YoY)จากกำลังการผลิตถ่านที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดมาที่ 48.7 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6.7% YoY และปีนี้โรงไฟฟ้าหงสาเฟส 1 และ 2 เริ่มผลิตไฟฟ้าส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 1,398 MW อีกทั้งภายในปี 60 มีแผนขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าในจีนอีก 583 MW และมีแผนขยายโรงไฟฟ้า BLCP อีก 1,000 MW เป็นปัจจัยหนุนต่อกำไรให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะ 3 ปีต่อจากนี้
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 27 บาทจะขึ้น XD เงินปันผลปี 57 หุ้นละ 0.90 บาท ในวันที่ 21 เม.ย. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.9% นอกจากนี้ รายงานสินเชื่อ เดือน ก.พ. +9.2% yoy และ +0.7% mom ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ธนาคารที่ +3.8% yoy และ +0.5% mom พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +8.9% yoy เป็น 36,113 ล้านบาท จากสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัว +8% yoy จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าแรงหนุนของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ใน 2H58 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญเร่งการขยายตัวของสินเชื่อ อีกทั้ง Valuation ค่อนข้างถูก
- SAMART(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 43 บาท คาดจะได้อานิสงส์เชิงบวกจาก Window Dressing เนื่องจากราคาหุ้น Underperform ตลาดมาก โดย -21.6% QTD เทียบกับ SET INDEX +1.1% และ SET ICT -2.3% และมีปัจจัยบวกระยะสั้น หลังกลุ่ม 2S Consortium ที่มีสามารถคอมเทคถิอหุ้นป็นผู้ชนะงานติดตั้งระบบ APPS ให้ AOT 5 ปี พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 58 โต +20.3% yoy และมี Upside Risk จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ