ในไตรมาส 1/58 คาดว่า Cabin Factor เฉลี่ยที่ 85% เป็นไปตามฤดูกาล แต่เนื่องจากมีการแข่งขันกันมาและมีการตัดราคาต่อเนื่องจากปีก่อนส่งผลให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ของบริษัทปรับตัวลง 5% มาที่ 12-13% จากปี 56 อยู่ที่ 17% และคาดว่ามาร์จิ้นทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 12-13%
"ไตรมาสแรกแนวโน้มก็ OK เครื่องบินใหม่ออกมาเยอะ แต่ตลาดยังเงียบอยู่ สภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศยังไม่ค่อยดี แต่ก็ยังดีกว่าปีที่แล้ว cabin factor เท่าเดิม 80-85% แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการแข่งขันทำให้กำไรจะลดลง เพราะว่าราคาขายต่ำลง เป็น price war ทำให้มาร์จิ้นลงมา 5% ปีที่แล้วก็มี price war ปีนี้ก็มีต่อเนื่อง เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง"นายพาที กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้สายการบินต่างๆ มีการสั่งเครื่องบินใหม่เข้ามามาก แต่จำนวนผู้โดยสารไม่ได้เติบโตทันกับจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวังไว้
ทั้งนี้ สายการบินนกแอร์ได้รับมอบเครื่องบินใหม่จำนวน 6 ลำ หรือเท่ากับเพิ่มปริมาณที่นั่ง 40% และในปีนี้รับมอบเพิ่มเครื่องบินใหม่อีก 4 ลำ เท่ากับปริมาณที่นั่งเพิ่มมากกว่า 10% โดยจะรับมอบในเดือน ก.ย.นี้ 2 ลำ เป็นเครื่อง 737-800 และอีก 2 ลำเป็นเครื่อง Q400 ทำให้สิ้นปี 58 สายการบินนกแอร์จะมีฝูงบินจำนวน 24 ลำ
ส่วนกรณีที่เครื่องบินของสายการบินนกแอร์เกิดเหตุกระจกแตกระหว่างลงจอดที่นครศรีธรรมราชนั้น นายพาที กล่าวว่า เป็นเพียงเหตุการณ์กระจกร้าวไม่ถึงกับแตก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสายการบินที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะมีโอกาสเจอแรงกดดันอากาศข้างนอก และขณะนี้ได้เปลี่ยนกระจกใหม่แล้วก็นำกลับมาทำการบินได้เหมือนเดิม อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาตลอด 10 ปีของสายการบินนกแอร์ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ไม่ได้เป็นข่าว