น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ GBS ประเมินกรอบแนวรับของดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,540-1,550 จุด เพราะนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากที่เฟดแถลงว่าไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนได้จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และผลตอบแทนพันธมิตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯปรับตัวลง ประกอบกับราคาน้ามันที่ดีดตัวขึ้นเป็นแรงหนุนต่อกลุ่มพลังงาน และการทำ Window dressing ช่วงไตรมาส 1/58 ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้
ตลาดยังมีปัจจัยบวกทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ อาทิ โอกาสการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 4G คาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเดือน ส.ค.หรืออย่างช้าภายในปีนี้ ส่วนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% ที่จะสิ้นสุดมาตรการผ่อนผันในปลายปีนี้นั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ชะลอออกไปก่อน ถือว่าเป็นผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันเยอรมันส่งสัญญาณเปิดช่องให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือกรีซในไม่ช้า หากรัฐมนตรีคลังของยูโรโซนให้การอนุมัติรายละเอียดของมาตรการปฏิรูปทั้งหมดของกรีซ และมาตรการบางส่วนได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา รวมทั้งเฟดส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในการประชุม FOMC เดือนเมษายนนี้ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีตามเดิ
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจอื่นธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ปรับลดประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ปี 58 เหลือเติบโต 3.8% จากเดิม 4% เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าคาด และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย การใช้จ่ายภาครัฐล่าช้ากว่าคาดโดยเฉพาะงบลงทุน การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจชะลอตัวลง อีกทั้งทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลง เนื่องจากสต๊อกน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ยืนยันที่จะคงผลิตน้ำมันตามโควต้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ GBS แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น กลุ่มสื่อสาร จากนโยบายของนายกฯที่ยืนยันเดินหน้าประมูล 4G , กลุ่มรับเหมา จากมติ ครม.อนุมัติโครงการบริหารจัดการน้ำ 2.3 หมื่นล้านบาท และโครงการก่อสร้างถนนอีก 3.4 หมื่นล้านบาท , กลุ่มธนาคาร ซึ่งถือว่าได้ประโยชน์จากสินเชื่อโครงการภาครัฐ รวมทั้ง กลุ่มพลังงาน , อาหารและเครื่องดื่ม , อสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นเป้าหมายการทำ Window dressing หลังจากที่ Underperform SET ในช่วงที่ผ่านมา
ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ เปิดเผยว่า แนะนำว่า แนวโน้มราคาทองมีฟื้นตัวสรอบใหม่หลังลงมาต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า การกลับตัวมีความแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวด้วยการเริ่มต้นสร้างแท่งเทียนลักษณะ BULLISH ที่สามารถผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ขึ้นมาได้ภายในวันเดียวกัน และสามารถไต่ระดับขึ้นมาตามกันกับแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน โดยไม่ลงต่ำกว่า จนสามารถตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และปรับขึ้นตามกันสร้างแนวรับขาขึ้น GOLDEN CROSS ถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่แข็งแกร่ง
โดยลักษณะการเรียงตัวของแท่งเทียนเข้ารูปแบบฟื้นตัว V-SHAPE ระยะสั้น ที่สามารถผ่านเส้นแนวต้านขาลงขึ้นมาได้ ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ยังปรับขึ้นมาไม่มากไม่มีแรงกดดันภาวะขึ้นแรงมากเกินไป ทำให้แนวโน้มราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นต่อ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% ต่อไป
ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์ เปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series และรอปิดสถานะทำกำไรที่แนวต้าน 1,200-1,210 เหรียญต่อทอยออนซ์ ส่วนแนวรับ 1,165-1,160 เหรียญต่อทอยออนซ์ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยแนะนำจับตาประเด็นที่น่าสนใจ คือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ และผลผลิตมวลรวมสหรัฐ (Q0Q)