(เพิ่มเติม) EMC รุกหนักอสังหาฯดันรายได้แตะ 1.3 หมื่น ลบ.ปี 62/ปีนี้พลิกกลับมีกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 27, 2015 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชุมพล อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.อีเอ็มซี (EMC) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดเป้าหมายรายได้ใน 5 ปี (ปี 58-62) จะมีรายได้แตะ 1.32 หมื่นลบ.ในปี 62 จากปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 1.95 พันล้านบาท โดยเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยบริษัทได้ใช้กลยุทธ์รุกลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการควบคู่กับการพัฒนาโครงการของตัวเอง และยังเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจด้วยการดึงมืออาชีพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมทีม
"การเข้าซื้อกิจการ บริษัทต้องคำนึงถึงกิจการที่สามารถสร้างรายได้ได้ทันทีเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจ หลังจากนั้นจะเพิ่มโครงการที่บริษัทจะพัฒนาขึ้นเอง" นายชุมพลกล่าว

ในปีนี้ EMC มีแผนเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ 8 โครงการ มูลค่ารวม 6.53 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่บริษัทเข้าซื้อกิจการ 7 โครงการ และอีกโครงการบริษัทพัฒนาด้วยตัวเองเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ใน จ.สมุทรสาคร มูลค่า 1.25 พันล้านบาท

ส่วนแผนงานในช่วงปี 59-62 บริษัทจะเปิดโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงไม่น้อยกว่า 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.08 หมื่นล้านบาท รวม 5 ปีจะมีโครงการกว่า 1.74 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 75% ในปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1.05 พันล้านบาท ก่อนที่เติบโต 150% ในปี 59 และหลังจากนั้นจะรักษาระดับการเติบโตที่ 10% ไปจนถึงปี 62

ในสายธุรกิจก่อสร้างปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 900 ล้านบาท และจะรักษาอัตราการเติบโต 10% ต่อปี

*ปีนี้พลิกมีกำไร/ล้างขาดทุนสะสม

นายศิริพงศ์ ว่องวุฒิพรชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ EMC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 58 คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรหลังจากรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะเริ่มรรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/58 อีกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังให้อัตรากำไรสุทธิสูงที่ 15-21% มากกว่าธุรกิจก่อสร้างที่มีอัตรากำไรสุทธิหลักเดียว ทำให้มีโอกาสที่จะผลักดันผลประกอบการในปีนี้ในทิศทางที่ดีได้มาก

สำหรับธุรกิจก่อสร้างบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานก่อสร้างอาคารของเอกชนและราชการมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท คาดว่าจะได้งานมากกว่า 70% โดยจะเริ่มทยอยประกาศผลการประมูลตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันกว่า 800 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 700 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งสนใจร่วมทุนกับบริษัทในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังจะเป็นพันธมิตรในรูปแบบ Strategic Partner และ Financial Partner แต่ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนออกมา ขณะนี้การออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) มูลค่า 1.2 พันล้านหุ้น นั้นมีความคืบหน้าไปมากแล้ว

นายศิริพงศ์ คาดว่า จะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ในปัจจุบันราว 1.4 พันล้านบาทได้ภายใน 2-3 ปี หลังรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป อีกทั้งธุรกิจอสังหาริททรัพย์ยังให้อัตรากำไรสุทธิที่สูงกว่าธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้ผลักดันให้บริษัทสามารถมีกำไรได้ ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 15%

สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นงบที่ใช้สำหรับการซื้อกิจการกว่า 1.3 พันล้านบาท โดยบริษัทได้ซื้อโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดรวม 7 โครงการ งบพัฒนาและต่อยอดโครงการที่บริษัทซื้อกิจการมากว่า 1.6 พันล้านบาท และงบพัฒนาโครงการเดอะแลนด์ มาร์ค คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาด 21 ไร่ ที่ตำบลมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร มูลค่าโครงการ 1.25 พันล้านบาท โดยเป็นที่ดินเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ด้วยสัญญา 30 ปี คาดว่าจะสามารถเปิดขายพื้นที่ได้ในกลางปี 58 โดยโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 60

แหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินเพิ่มทุนครั้งก่อนกว่า 600 ล้านบาท รวมเป็นกว่า 1.5 พันล้านบาท และเงินกู้สถาบันการเงินกว่า 2 พันลินบาท นอกจากนี้บริษัทมีแผนการเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ไนปีนี้อีก 1.2 พันล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.85 บาท ในขณะนี้มีนักลงทุนในประเทศ 2-3 รายที่มีความสนใจเข้ามาเจรจาขอซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงเดือน เม.ย.นี้ และจะสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในปีนี้บริษัทมีแผนในการนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในอนาคต และใชิสำหรัจการซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการเจรจาขอซื้อที่ดินในโซนสุขุมวิท และโซนอื่นๆในกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 10 แปลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการซื้อที่ดิน 2 แปลง ในช่วงไตรมาส 3/58 และไตรมาส 4/58 โดยที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวบริษัทจะนำมาพัฒนาโครงการในปี 59 มูลค่ารวม 1.6 พันล้านบาท และจะมีการรับรู้รายได้ในปี 60 อย่างไรก็ตาม บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ