อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังเผชิญกับราคาขายน้ำตาลที่ยังมีการปรับตัวลดลงซึ่งส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งราคาน้ำตาลในปัจจุบันอยู่ที่ 12 เซนต์/ปอนด์ ลดลงจากปีก่อนที่ 17-18 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งมีผลต่อผลประกอบการในไตรมาส 1/58 บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/58 นั้นจะออกมาใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากราคาน้ำตาลลดลงกดดันผลประกอบการให้ยังไม่มีการเติบโตขึ้น
นอกจากนี้ ปริมาณการหีบอ้อยในปี 58 คาดว่าลดลงมาที่ 2.3 ล้านตันต่อปี จากปีก่อนมีปริมาณการหีบอ้อยอยู่ที่ 2.5 ล้านตันต่อปี เป็นผลมาจากปริมาณฝนลดลง ทำให้ผลผลิตอ้อยมีปริมาณลดลง อีกทั้งยังส่งผลไปต่อปริมาณการผลิตน้ำตาลในปีนี้ที่จะมีปริมาณการผลิตลดลงมาที่ 2.35 แสนตัน/ปี จากปีก่อนที่มีปริมาณการผลิตน้ำตาล 2.7 แสนตัน/ปี
“ปีนี้ทั้งราคาน้ำตาล ปริมาณน้ำตาล และปริมาณการหีบอ้อยก็มีการลดลงหมด ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของเรา แต่เราก็ยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า เพราะปีนี้มีการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเข้ามาช่วย ซึ่งจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัท โดยสัดส่วนรายได้จาดการขายไฟฟ้าปีนี้จะเพิ่มมาอยู่ที่ 8% จากปีก่อนที่ 2% และสัดส่วนรายได้จากการขายน้ำตาลจะลดลงมาอยู่ที่ 92% จากปีก่อนที่ 98% ส่วนทิศทางราคาน้ำตาลในตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ต้องดูราคาน้ำตาลในบราซิลว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร"นายธาญทิฐ กล่าว
สำหรับงบลงทุนในปี 58 บริษัทตั้งไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการใช้เพิ่มกำลังการหีบอ้อยช่วงปลายปีนี้เป็น 3.5 หมื่นตัน/เดือน จากเดิมอยู่ที่ 2.3 หมื่นตัน/เดือน โดยเงินลงทุนจำนวน 3.1 พันล้านบาท และเงินลงทุนอีก 1.2 พันล้านบาทจะใช้ในการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 2 แสนลิตร/วัน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 59 ทั้งนี้เงินลงทุนทั้งหมดจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท เงินกู้สถาบันการเงิน และเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้แบบเฉพาะเจาะจง(PP)ในช่วงที่ผ่านมา 600 ล้านบาท