นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE กล่าวว่า บริษัทมีความสนใจในธุรกิจปลายน้ำอยู่แล้ว คือ โรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลใน จ.สุโขทัย ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างขนาด 2 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ปลายปี 58 นี้ และอีก 2 โครงการอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์และกำหนดโซนนิ่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างรอประกาศรับซื้อไฟจากภาครัฐ
สำหรับงบลงทุนบริษัทได้ออกหุ้นกู้ไว้ 1,000 ล้านบาทเพื่อนำเงินไปทำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลตามแผนขยายการลงทุนของบริษัท หากทางการมีความชัดเจนในหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ก็จะเดินหน้าต่อได้ทันที
นายพนม กล่าวว่า บริษัทให้ความสนใจขยายธุรกิจไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งบ UAC และ AGE ซึ่งแต่ละบริษัทมีอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานในแต่ละประเภท เช่น AGE ทำธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหิน ขณะที่ UAC ก่อสร้างและบริหารโรงก๊าซชีวมวล ส่วน QTC ชำนาญในด้านหม้อแปลงไฟฟ้า
"เบื้องต้นอาจจะเป็นการตังบริษัทย่อยขึ้นมา และถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะซื้อกิจการเข้ามาบริหาร หรือตั้งโรงไฟฟ้าเอง แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้"นายพนม กล่าว
ก่อนหน้านี้ UAC และ QTC ศึกษาแผนร่วมทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนราว 700-800 ล้านบาท โดยจะถือหุ้นฝ่ายละ 50% แต่ต้องยกเลิกการศึกษาแผนงานดังกล่าวไป เพราะมีข้อติดขัด จึงหันมาศึกษาศึกษาการลงทุนในพื้นที่อื่น เช่น ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือแทน
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UAC กล่าวว่า ความร่วมมือในเบื้องต้นน่าจะเป็นการนำโมเดลเดิมที่เคยศึกษาร่วมกับ QTC มาปรับเป็นการร่วมมือ 3 ฝ่าย เพื่อผลิตไฟฟ้าจากเศษไม้ หรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอื่น ๆ มาหาพื้นที่ใหม่ในภาคเหนือหรือภาคอีสาน เพื่อตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 10 MW ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเจรจาซื้อกิจการที่มีอยู่แล้วเพื่อเป็นโครงการนำร่อง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/58