ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จากธุรกิจชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 40% โดยล่าสุด มีออเดอร์โมเดลรถยนต์จากค่ายรถยนต์ต่างๆเข้ามา ส่วนรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวคาดว่าจะขยายตัว ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางตลาดนมส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวมากขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ราคาเม็ดพลาสติกในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 10% ซึ่งทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจปรับตัวลดลงตาม และทำให้กำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1-2%
ขณะที่โรงงานพ่นสีในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี เริ่มมีออเดอร์จากลูกค้ารายใหม่เข้ามา โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 70-100 ล้านบาท และคาดว่าภายในปีนี้จะมีรายได้เข้ามาประมาณ 100-200 ล้านบาท และหากมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ (Full Capacity) จะสร้างรายได้ 600-800 ล้านบาท ซึ่งทีมงานบริหารตั้งเป้าไว้ภายใน 5 ปี
นายวิวรรธน์ กล่าวว่า อนาคตธุรกิจโรงพ่นสีจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และทำให้สัดส่วนรายได้ในส่วนของธุรกิจชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ขยับ เพิ่มขึ้นเป็น 20-25% ของรายได้รวม จากเดิมอยู่ที่ระดับ 11-15% ของรายได้รวม และคาดว่าธุรกิจโรงพ่นสีจะถึงจุดคุ้มทุนที่เพียงพอค่าใช้จ่ายโรงงานพ่นสีที่ เพิ่มขึ้นภายใน 2 ปี และมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ภายใน 5 - 7 ปี