นายกฤษดา ชวนะนันนท์ กรรมการผู้จัดการ VPO เปิดเผยว่า ปริมาณผลผลิตปาล์มลดลงตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/57 เป็นต้นมาจากวิกฤตภัยแล้ง ทำให้การใช้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ใช้กำลังการผลิตราว 3.67 แสนตัน/ปี จึงกระทบกับเป้าหมายอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิไปด้วย แต่เชื่อว่าปริมาณผลผลิตปาล์มจะทยอยออกมาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.และจะเห็นชัดเจนในช่วงเดือน เม.ย.58
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะยังรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.1% และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้ใกล้เคียงปีก่อนด้วย
ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ราว 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งยังไม่รวมกับรายจ่ายค่าสัมปทานพื้นที่ปลูกปาล์มที่บริษัทได้รับเพิ่มเติมเข้ามาอีกราว 29,000 ไร่ในช่วงปลายไตรมาส 2/58 เนื่องจากคาดว่าจะต้องชำระเงินในปี 59
นายกฤษดา กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบันและเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านเมล็ดปาล์ม น้ำมันปาล์มดิบ และโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อเป็นการสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจของบริษัทให้มีการเติบโต และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
“เรามองโอกาสต่างๆเพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ตอนนี้ก็มีเข้ามาคุยบ้าง ทั้งในประเทศและในอาเซียน แต่เราก็แค่รับฟังไว้ ยังไม่ตัดสินใจอะไร แต่เราก็มีการเตรียมความพร้อมไว้ โดยฌฉพาะด้านฐานะการเงินที่เรามีความแข็งแกร่งอยุ่แล้ว หากเราสนใจกิจการนั้นจริงๆก็พร้อมลงทุนเลย”นายกฤษดา กล่าว
นายกฤษดา กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้ส่งสัญญาณที่ดีขึ้นจากผลผลิตปาล์มที่เริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้นโยบายภาครัฐสนับสนุน โดยกรมธุรกิจพลังงานประกาศเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในไบโอดีเซลจากผสม 3.5% เป็น 7% หรือ B7 สนับสนุนให้มี ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันปาล์มดิบจะสูงขึ้นในทิศทางเดียวกับความต้องการใช้ด้วย และรัฐบาลยังสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกปาล์มเพิ่มขึ้น เนื่องจากปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถใช้ในการบริโภคในประเทศ และใช้เป็นพลังงานได้
สำหรับทิศทางผลผลิตปาล์มในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.ต่อเนื่องไปถึงเดือน พ.ค.58 แต่ช่วงที่ทยอยออกมามากที่สุดน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง โดยประมาณการผลผลิตปาล์มทั้งปี 58 ราว 13 ล้านตัน ส่งผลให้ทิศทางราคาผลปาล์มมีแนวโน้มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จากทั้งปี 57 มีปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดลดลงอยู่ที่ 11.8 ล้านตัน เนื่องจากเป็นช่วงผลปาล์มพักตัวหลังออกติดกันมาหลายเดือน ประกอบกับสภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย จึงเกิดปัญหาการเก็งกำไรในตลาดมาระยะหนึ่ง
"ความท้าทายของธุรกิจปาล์มน้ำมันก็ยังไม่หมดลง จากภาวะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดอื่นๆ รวมถึงราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ และปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยกับมาเลเซียยังต่างกัน เกือบ 8 บาทต่อกิโลกรัม และเมื่อเกิดความต่างของราคาสินค้าก็ถือเป็นเหตุการณ์ผิดปกติ ที่ยังคงต้องจับตามองและปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์"นายกฤษดา กล่าว
จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทต้องติดตามผลผลิตปาล์มทั้งปีว่าจะออกมากน้อยแค่ไหนอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก VPO จะมีกำไรมากที่สุดคือช่วงที่ผลผลิตปาล์มทยอย ออกสู่ ตลาดมากที่สุด และไม่สามารถบอกช่วง High season ของ ธุรกิจที่ชัดเจนได้ เนื่องจากผลผลิตปาล์มในแต่ละปีออกมากหรือน้อยในช่วงเวลาที่แตก ต่างกันนั่นหมายความว่า บริษัทที่มีความพร้อมกว่าจะได้เปรียบ ซึ่ง VPOเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ที่สุดในจังหวัด ชุมพร มีกำลังการผลิตรวม 180 ตัน ปาล์มสดต่อชั่วโมง
“ในปี 57 ผลปาล์มอยู่ในช่วงพักตัว หลังจากออกผลผลิตเป็นจำนวนมากติดกันมาหลายเดือน และอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในภาคใต้ปี 56 ต่อเนื่องปี 57 เจอกับปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตปาล์มต่อไร่ลดลง มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้และราคาสูงมาก ไม่คุ้มในการผลิต บริษัทจึงมุ่งรักษาผลตอบแทนในกำไรที่ดีมากกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้"นายกฤษดา กล่าว
"สภาวะภูมิอากาศในภาคใต้ปี 57 ต่อเนื่องปี 58 เอื้ออำนวย และมีสัญญาณที่ดีจากผลผลิตปาล์มในเดือน มี.ค.ที่ออกมาดีขึ้น แม้ยังไม่มากนัก แต่คาดว่าผลผลิตปาล์มจะค่อยๆ ออกมามากขึ้นในเดือน เม.ย.เป็นต้นไป นอกจากนี้ในปัจจุบันพื้นที่การปลูกปาล์มเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นปาล์มที่มีอยู่ อายุ 5-15 ปี ก็มีเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ปลูกปาล์มและอยู่ในช่วงผล ผลิตออกมาเยอะ แต่ก็ยังมีปัจจัยกดดันจากตลาดโลก ทำให้ทิศทางสำหรับปีนี้ยังค่อนข้างคาดการณ์ได้ยาก แต่ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทำให้เชื่อว่าในปี 58 นี้ VPO ก็จะมีผลประกอบการที่ไม่น้อยหน้าใครในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้อย่างแน่นอน" นายกฤษดา กล่าว