บริษัทคาดรายได้ปีนี้เติบโต 15% และกำไรเติบโตในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากมีโรงภาพยนตร์เปิดใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่สาขาเดิมทำรายได้เติบโตราว 3-4% ภายใต้คาดการณ์อุตสาหกรรมภาพยนต์ในปีนี้เติบโตในระดับ 10-15% จากปีก่อน โดยมองว่าตลาดในเมืองไทยยังมีการเติบโต เพราะในปีนี้มีหนังฟอร์มยักษ์รอเข้าฉายจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตดี หลังจากไตรมาส 1/58 ยังเติบโตได้ดี และแนวโน้มไตรมาส 2/58 น่าะจเป็นไตรมาที้ดีที่สุดของปี เพราะมีหนังฟอร์มยักษ์รอคิวเข้าฉายหลายเรื่อง ขณะที่ฮอลลีวูดมีการปรับเปลี่ยนลำดับการฉายหนังมาเป็นช่วงไตรมาส 2/58 จำนวนมาก
ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ 1,500 ล้านบาท และใช้เงินลงทุนไปแล้ว 500 ล้านบาท เพื่อเปิดโรงภาพยนตร์สาขาแรกปีนี้ด้วยแบรนด์ใหม่"ควอเทีย ซีนีอาร์ต"คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-6 ปี ปีแรกคาดมียอดขายตั๋ว 1 ล้านใบ ซึ่ง"ควอเทีย ซีนีอาร์ต"มีจำนวนโรงภาพยนตร์ 8 โรง รวม 1,440 ที่นั่ง เป็นโรงภาพยนตร์สุดล้ำเทรนด์ใหม่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบีบวกขึ้นไปที่ชื่นชอบโรงภาพยนตร์แห่งอนาคต
ปัจจุบัน MAJOR มีสาขาโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้น 78 สาขา จำนวน 527 โรง เป็นสาขากรุงเทพและปริมณฑล 31 สาขา จำนวน 296 โรง และต่างจังหวัด 46 สาขา ใน 34 จังหวัด จำนวน 224 โรง ส่วนต่างประเทศมี 1 สาขา จำนวน 7 โรงในกัมพูชา
นายวิชา คาดว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีความชัดเจนการเข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อตั้งโรงภาพยนตร์ในลาว โดยสัดส่วนการถือหุ้นของ MAJOR จะอยู่ที่ราว 70-80% และอีก 20-30% เป็นของพันธมิตร ส่วนที่กรุงพนมเปญในกัมพูชาได้รับกระแสตอบรับดีมาก คาดยอดขายตั๋วปีนี้ราว 1 ล้านใบ หลังจากเริ่มเปิดให้บริการในปีก่อน