นายธัญชาติ กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN กล่าวว่า การเซ็นสัญญากับ แพรกซ์แอร์ ในครั้งนี้ ช่วยให้ บริษัทฯ สามารถรุกธุรกิจปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งการให้บริการก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจรของบริษัทฯ เพื่อตอบสนองด้านการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรองรับแผนงานของ ปตท. ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทฯ ที่มีความต้องการเปลี่ยนแนวท่อโดยนำก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวไทยมาตามท่อก๊าซเพื่อเข้าสู่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลัก ที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี แทนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศเมียนมาร์
สำหรับการใช้แหล่งก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยของ ปตท. ในครั้งนี้ ทำให้ SCN มีโอกาสรุกขยายการให้บริการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่ถูกจัดส่งตามแนวท่อก๊าซจากแหล่งอ่าวไทยมายังสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลัก มีค่าความร้อนประมาณ 44 เมกกะจูลต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศเมียนมาร์ที่มีค่าความร้อนประมาณ 38 เมกกะจูลต่อลูกบาศก์เมตร และสูงกว่าค่ามาตรฐานที่เป็นข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงานที่กำหนดค่าความร้อนของเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ในประเทศต้องมีค่าอยู่ระหว่าง 37-42 เมกกะจูลต่อลูกบาศก์เมตร
“การปรับเปลี่ยนแนวท่อมาใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวไทยครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติให้แก่ ปตท. เพิ่มเติม นอกเหนือจากธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลัก (Private Mother Station) และธุรกิจขนส่งก๊าซ NGV ซึ่งได้ทำกับ ปตท. ที่เป็นคู่สัญญากันอยู่แล้ว" นายธัญชาติ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้เตรียมเข้าไปทำสัญญาเพิ่มเติมกับ ปตท. เพื่อให้บริการปรับปรุงคุณภาพก๊าซ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์เพื่อให้บริการแก่ ปตท. ได้ภายในไตรมาส 4/58
ด้านนางสาววิภา จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพรกซ์แอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซรายใหญ่ของโลกซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจในประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการมากว่า 40 ปี จากฐานการผลิตที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ จังหวัดระยอง และส่งจำหน่ายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายและมีความต้องการใช้ก๊าซในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ บริษัทฯ และ SCN ได้มีความร่วมมือระหว่างกันมาก่อนหน้านี้ โดยได้จำหน่ายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้บริษัท สยามวาสโก เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และการลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซครั้งนี้ บริษัทฯ จะจัดจำหน่ายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่ SCN ซึ่งเป็นผู้นำที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง ต่อการดำเนินธุรกิจและเชื่อว่าความร่วมมือในการครั้งนี้จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทฯ มีส่วนช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทยให้ก้าวไกลต่อไปได้
ด้านนายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการบริหาร ผู้อำนวยการสายงานบริหารและการตลาด SCN เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% หลังมีรายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม (ICNG) เข้ามาเป็นรายได้เพิ่มเติมนอกจากธุรกิจเดิมที่มีการเติบโตอยู่แล้ว โดยปัจจุบันใช้กำลังการผลิตราว 80% และคาดสิ้นปีคาดจะมีผลิตได้เต็มที่ 100%
นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 25% เนื่องจากบริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่หลังปตท. เตรียมปรับเปลี่ยนแนวท่อในการส่งก๊าซมาใช้จากอ่าวไทยแทนการนำเข้าจากเมียนมาร์ บริษัทตั้งเป้าทำรายได้จากธุรกิจปรับคุณภาพก๊าซปีละประมาณ 130-200 ล้านบาท ซึ่งในธุรกิจนี้มีมาจิ้นค่อนข้างสูงช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯมีการเติบโต
"ปีนี้เรายังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเหมายที่วางไว้ โดยปัจจุบันมีความต้องการใช้เชื้อเพลิงเป็นก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ซึ่งช่วยหนุนให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯยังจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาด้วย"นายฤทธี กล่าว