โดยไตรมาส 1/58 รายได้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้แล้ว เนื่องจากได้มีการส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น 2-3 งาน เป็นงานอาคาร จากมูลค่างานทั้งหมดราว 1.9 หมื่นตัน ที่จะทยอยส่งมอบต่อไปอีก
ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้ก็จะเติบโตทิศทางเดียวกับรายได้ ซึ่งปีนี้มาร์จินดีกว่าปี 57 ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิเนื่องจากบริษัทำสัญญางานโครงการที่ได้ราคาดี ขณะที่ตอนนี้ต้นทุนวัตถดิบ เช่น เหล็กราคาไม่ได้ปรับขึ้นและราคาน้ำมันก็ปรับลง
ส่วนปีที่ผ่านมาถือเป็นจุดต่ำสุดของ MCS ที่มีกำไรเพียง 82 ล้านบาท แต่เชื่อว่าปีนี้กำไรพลิกฟื้นแรงและดีต่อเนื่องปี 59 ก็น่าจะดีกว่าปีนี้ ด้วยแรงหนุนจาก Backlog ที่สูงถึง 1.5 แสนตัน
"ปีนี้เราได้ราคาดี ขณะที่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบไม่ขึ้น ราคาน้ำมันก็ลง ก็เชื่อว่าปีนี้กำไรจะดีกว่าปีก่อนและปี 59 ก็จะดีกว่าปีนี้ เพราะงานที่มีอยู่ในมือทำได้ถึงปี 60-61 ซึ่งในญี่ปุ่นเรามีความชำนาญเรื่องเสาเหล็กในอาคารมาก" นายไนยวน กล่าว
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทเป็นงานในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 100% แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขยายตลาดไปสหรัฐอเมริกาโดยจะไปกับคู่ค้าญี่ปุ่น(เทรดดิ้ง)ที่ทำธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ ดได้ข้อสรุปในอีก 6 เดือนข้างหน้า ส่วนงานในประเทศไทยก็สนใจแต่ถ้าเทียบแล้วงานในญี่ปุ่นได้มาร์จินที่ดีกว่า ในสสหรัฐฯาที่ไปเจรจาอยู่เป็นงานอาคารเหมือนในญี่ปุ่นซึ่งเป็นงานที่เรามีความชำนาญ
ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตที่ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่โรงงานผลิตในประเทศไทย ปีนี้ไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพราะลงทุนไปแล้วเมื่อปีก่อน
ส่วนกระแสข่าวมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาเจรจาซื้อหุ้นหรือเข้าซื้อกิจการนั้น ยืนยันไม่มีใครมาเทคโอเวอร์ และถ้าเป็นราคานี้เราไม่ขายแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีคุยกับใคร
ในปี 59 บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานสนามกีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นด้วยซึ่งจะทำ 2 สนาม มูลค่างานที่จะต้องใช้เหล็กทั้งหมดราว 4-5 หมื่นตัน เชื่อว่ามีโอกาสได้งาน เพราะญี่ปุ่นทำไม่ได้ แต่ MCS ทำได้เช่นเสาเหล็ก