NUSA ลุยเปิด 4 โครงการ 2.3 หมื่นลบ.หลังผลตอบรับ"ณุศา ศรีราชา"ดีเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 1, 2015 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ณุศาศิริ(NUSA) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าตามแผนงานด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1).โครงการ ณุศา ศรีราชา มูลค่า 8,000 ล้านบาท 2).โครงการณุศา ศรีราชา ออนเซ็น มูลค่า 5,700 ล้านบาท 3).โครงการ ณุศา รายา ภูเก็ต มูลค่า 800 ล้านบาท และ 4).โครงการ ณุศา พัทยา มูลค่า 8,500 ล้านบาท

ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จจากผลตอบรับที่ดีเกินคาดจากการเปิดขายรอบพิเศษโครงการ ณุศา ศรีราชา เป็นโครงการแรกภายใต้งาน" วีไอพี เดย์" เพียง 1 วัน ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.58 นำเสนอห้องชุดในอาคาร C และอาคาร D จำนวน 500 กว่ายูนิต ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท/ยูนิต สามารถขายอาคาร C ได้ทั้งหมด รวมมูลค่ายอดขายกว่า 2,081 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดขายห้องชุดในอาคาร D อีกครั้งในเดือน พ.ค.58 คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 2/58

“ยอดขายกว่า 2,081 ล้านบาท ที่ได้จากการจัดงาน วีไอพีเดย์ วันเดียวนั้น คิดเป็นกว่า 66% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท และจากแนวโน้มการปรับตัวที่ดีของตลาดในช่วงปลายไตรมาสแรกและผลตอบรับที่ดีเกินคาดจากการจัดงานดังกล่าว จึงมีความเป็นไปได้ว่า ณุศาศิริฯ อาจจะมีการปรับเป้ายอดขายรวมของทั้งปีใหม่ " นายวิษณุ กล่าว บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพทำเลที่ตั้งโครงการ ณุศา ศรีราชา และการเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการอาคารที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการดึงเชนโรงแรมหรูมาบริหารโครงการจะช่วยสนับสนุนให้โครงการมีมูลค่าเพิ่มขึ้นซึ่งลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการไปก็จะได้ประโยชน์จากมูลค่าเพิ่มดังกล่าวด้วยเช่นกัน"นายวิษณุ กล่าว

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพการพัฒนาและทิศทางการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ ในศรีราชา หลังจากที่มีการย้ายฐานการผลิต รวมถึงเพิ่มการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นมายังแถบตะวันออกอย่างต่อเนื่อง พบว่าศรีราชากลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนทำงานชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดความต้องการและการเติบโตของที่พักอาศัยมาก มีทั้งซื้ออยู่เองและซื้อเพื่อการลงทุน

นอกจากนี้ กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวยังมองเห็นแนวโน้มในอนาคตว่าชลบุรีนอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแล้วยังเป็นเมืองอุตสาหกรรม ที่มีกลุ่มทุนต่างประเทศมาลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยหันมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่จะขยายตัวตามแรงผลักดันจากโครงการลงทุนของภาครัฐ อาทิ กระทรวงคมนาคม ได้เดินหน้าพัฒนาระบบ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ในรูปแบบ จีทูจี เส้นทางกาญจนาภิเษก-กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ-แหลมฉบัง ซึ่งหากได้ข้อสรุปในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะส่งผลดีต่อโครงการของบริษัทฯและภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวมของเขตเมืองศรีราชาเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ