ขณะที่คาดราคาน้ำมันดิบในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากยังมีกำลังการผลิตมากกว่าความต้องการใช้ แต่คาดว่าราคาน้ำมันในช่วงปี 59-62 จะค่อยๆปรับขึ้นมาอยู่ที่กว่า 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีนี้ราคาน้ำมันไม่น่าจะกลับไปยืนที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ผลประกอบการบริษัทน้ำมันหรือบริษัทปิโตรเคมีจะอยู่ในฐานะที่พลิกฟื้นกลับมาได้ เพราะเป็นช่วงราคาน้ำมันขาขึ้น
"ราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลกระทบต่อบริษัทเหมือนที่เห็นในปีที่แล้วที่กำไรลดลงไปครึ่งหนึ่ง และมีขาดทุนจากสต็อก อีกทั้งทำให้ข้อได้เปรียบจากการที่เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักนั้นแคบลงมาเมื่อเทียบกับผู้ผลิตที่ใช้วัตถุดิบอิงกับราคาน้ำมัน"นายประเสริฐ กล่าว
อย่างไรก็ดี การที่ราคาน้ำมันปรับลดลงทำให้ต้นทุนในการสำรองวัตถุดิบลดลง และใช้เงินหมุนเวียนน้อยลง
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC กล่าวว่า โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ EO/EG จำนวน 9 หมื่นตัน/ปี จากกำลังผลิตปัจจุบันที่ 3 แสนตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้นราว 30% จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/58 ขณะที่ตลาดฯ ยังคงเติบโตได้ดี
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนผลิต PLA ในไทย ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติกนั้น อาจต้องใช้เวลา 1-2 ปีจากนี้ เนื่องจากยังรอการพิจารณามาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
ขณะที่นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี PTTGC คาดว่าโครงการ pu-project ห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์โพลียูริเทนในไทยจะเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์โพรพิลีนออกไซด์(PO) และโพลีออล(Polyols) มูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐจะมีข้อสรุปเรื่องพันธมิตรร่วมทุนในกลางปีนี้ โดยบริษัทจะถือหุ้นใหญ่
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ มีผู้ถือหุ้นเสนอให้ PTTGC แตกพาร์ โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ขอรับไปศึกษาพิจารณาว่าจะดำเนินการหรือไม่