นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ในเดือนเม.ย.นี้จะมีกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ (Trigger fund) ในประเทศที่มีการออกกองมากถึง 6 กองทุน ณ ระดับดัชนี 1,500 จุด ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านบาท เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และคาดผลบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยในเดือนมี.ค.ทำให้ ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นตามการขยายตัวของ Forward PE (ปรากฏการณ์ PE expansion)
ประกอบกับมีปัจจัยต่างประเทศสนับสนุนจากการส่งสัญญาณยืดระยะเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ออกไป จะเป็นปัจจัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) สหรัฐอเมริกา และค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เม็ดเงินลงทุน (Fund flow) มีแนวโน้มไหลกลับเข้าสู่ประเทศเกิดใหม่ได้ และอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนที่เริ่มติดลบจากการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะเป็นอีกแรงผลักดันเม็ดเงินต่างชาติ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศในวันที่ 3 เม.ย.นี้ หาก ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด อาจทำให้เกิดจิตวิทยา (Sentiment) เชิงลบ เนื่องจากตลาดจะเลื่อนคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเข้ามาเร็วขึ้น และประมาณการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงถูกปรับลดต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวบ้างแล้ว เช่นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และโรงพยาบาล รวมถึงอาจมีความกดดันเกิดขึ้นระยะสั้นหากการเจรจาระหว่างกรีซกับ Troika ยังคงไม่ประสบผลสำเร็จ
นายณัฐชาต กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวทำให้มองภาพรวมการลงทุนในเดือนเม.ย.ดัชนี SET Index จะปรับตัวในลักษณะแกว่งตัว (Sideways) ถึงแกว่งตัวขึ้น (Sideways up) โดยมีกรอบแนวรับบริเวณ 1,490 จุด และกรอบแนวต้านแรกบริเวณ 1,550 จุด ทั้งนี้ในเดือนเม.ย. แนะนำให้โยกการลงทุนจาก GLOBAL, VGI, STA และ CCP เข้าสู่ IRPC, ITD, GL และ TPIPL แทน ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นอีก 16 บริษัท ที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ แนะนำต่อเนื่องจากเดือนก่อน จะทำให้ได้หุ้นแนะนำสำหรับเดือนเมษายนทั้งสิ้น 20 บริษัท ได้แก่ IRPC, IFEC, ITD, TCAP, BJCHI, JMT, TMB, TPCH, WHA, THAI, TRUE, ROBINS, SUPER, SGP, KKP, GL, CPF, TPIPL, MONO, FOCUS