ขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อโครงการคอนโดมีเนียม พระราม 2 มูลค่าราว 700-800 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวมียอดขายแล้ว 90% หากเข้าซื้อได้ก็จะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ทันที นอกจากนั้น บริษัทฯยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโครงการทาวน์โฮมอีก 2 โครงการ และที่ดินเปล่า 1 แห่ง มูลค่าราว 800 ล้านบาท รวมทั้งเจรจาซื้อโรงแรมอีก 3 โรงแรม มูลค่าราว 7 พันล้านบาท คาดว่าจะเห็นในปี 59
"เรามั่นใจว่ารายได้ของเราปีนี้จะกลับมาเติบโต เพราะเราจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมีเนียมตักศิลาที่ปัจจุบันตึกแรกก่อสร้างแล้วเสร็จและใกล้จะเริ่มโอนแล้ว ส่วนตึกที่เหลืออีก 3 ตึก ก่อสร้างไปแล้ว 60-70% ก็คงจะสามารถโอนในปีนี้ได้ทั้งหมด และอีกโครงการหนึ่งที่เราอยู่ระหว่างเจรจาซื้อก็มียอดขายไปแล้วกว่า 90% หากเราซื้อแล้วเสร็จก็คงจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมดเช่นกัน"นายสนั่น กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เวลาราว 2 ปีเพื่อล้างขาดทุนสะสมทั้งหมดที่มีอยู่ราว 300 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะนำผลกำไรจากการดำเนินงานมาล้างขาดทุนสะสม และอีกส่วนหนึ่งคงจะมาจากการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนลงทุนด้านพลังงานทดแทนเพิ่มเติมอีกด้วย เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มก่อน หลังจากนั้นก็จะมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
"ปี 59 เราคงจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ทั้งหมด โดยปัจจุบันเราจะมุ่งเน้นการมีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ก่อน และในปีหน้าเราคงจะมามองการลงทุนในเรื่องของพลังงานทดแทน ซึ่งตัวผมเองก็มีความรู้อยู่แล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาผมก็ได้ผ่านงานทั้งในเรื่องของการเงิน รวมไปถึง ล่าสุดผมก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในบริษัทที่ลงทุนในเรื่องของพลังงานทดแทนด้วย ผมจึงมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในพลังงานทดแทน ซึ่งเราก็มีพันธมิตร จากจีนและกาตาร์ ที่มีการลงทุนเรื่องของพลังงานทดแทนอยู่แล้ว"นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า เตรียมซื้อหุ้น ACD เพิ่มเป็น 40-50% จากปัจจุบันที่ถือหุ้น 8% เพื่อลงทุนในระยะยาว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงระบบหลังบ้านใหม่เพื่อจะให้บริษัทฯมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนใน ACD เพราะก่อนหน้านี้ผู้บริหารที่เข้ามาบริหารนั้นไม่ได้ถือหุ้นเลย ซึ่งมองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการต่างๆมีความล่าช้า และรายได้ไม่เติบโต