อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีรายได้จากการขายเอทานอลในสัดส่วนราว 30% เข้ามาสนับสนุน หรือคิดเป็นประมาณ 4.5 พันล้านบาท/ปี ซึ่งเอทานอลให้อัตรากำไรที่ดีในช่วงปีนี้ จึงสามารถช่วยประคองผลประกอบการของบริษัทไม่ให้ตกต่ำมากเกินไป โดยจะเห็นได้จากงวดไตรมาส 2 ปีนี้ (1 ก.พ.-30 เม.ย. 58) คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตจากงวดไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 395.93 ล้านบาท เนื่องจากกลับมาผลิตเอทานอลได้เต็มที่ หลังจากหยุดพักในช่วงเดือนธ.ค. 57 ขณะที่รายได้ในงวดไตรมาส 2 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่มีรายได้ 3.49 พันล้านบาท
"ปีนี้รายได้เราอาจจะต่ำกว่ากว่าปีก่อนประมาณ 10% แต่กำไรของเราอาจจะลดลงเพียงเล็กน้อย สาเหตุที่รายได้ปรับตัวลดลงมาจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ลดลงมาก เนื่องจากบราซิลสต็อกน้ำตาลไว้จำนวนมาก ขณะที่ความต้องการน้อยลง แต่เราก็เชื่อว่าแนวโน้มราคาน้ำตาลมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นแล้ว และเรามีรายได้จากเอทานอล ซึ่งมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจน้ำตาลอย่างมาก"นายชลัช กล่าว
นายชลัช กล่าวว่า ปริมาณการผลิตน้ำตาลของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 8.4 แสนตัน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการหีบอ้อยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนมาอยู่ที่ 8.7 ล้านตันในปีนี้
บริษัทยังได้ตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยจะใช้ในการขยายกำลังการผลิตเอทานอลเพิ่มเป็น 550,000 ลิตร/ปี จากปัจจุบันที่ 350,000 ลิตร/ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 59 โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนส่วนนี้ 500 ล้านบาท และปี 59 อีก 500 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนอีกราว 1 พันล้านบาท บริษัทจะใช้สำหรับปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสนใจและจะศึกษาที่จะร่วมทุนกับเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัททั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำเทคโนโลยีมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทในอนาคต โดยยังเป็นขั้นตอนการศึกษาซึ่งยังไม่มีรายละเอียดมากนัก