BANPU ตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนถือหุ้น 4,000MW ในปี 63 จาก 1,800 MW

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 3, 2015 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู(BANPU)เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายนำบริษัท บ้านปู พาวเวอร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี 59 โดยคาดว่าจะระดมทุนราว 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำเงินไปใช้พัฒนาธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 4,000 เมกะวัตต์ในปี 63

จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิต 1,800 เมะกวัตต์ โดยเป็นกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า BLCP ในไทยและโรงไฟ้า 3 แห่งในจีน รวมทั้งโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนงาน ได้แก่ โรงไฟฟ้าหงสาในลาว กำลังผลิต 1,878 เมกะวัตต์ที่บริษัทถือหุ้น 40% ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้า 94% แล้ว โรงไฟฟ้าหน่วยแรก 626 เมกะวัตต์ จะสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบในเดือน มิ.ย.58 ขณะที่โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 60 โดยบริษัทถือหุ้น 30%

นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังมองหาการลงทุนในโซลาร์ฟาร์ม เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าสนใจ และสามารถลงทุนในขนาดใหญ่ได้ รวมทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อร่วมทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้ของไทย เบื้องต้นคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 6-9 เมกะวัตต์/โรง สัดส่วนการถือหุ้นคาดว่าจะอยู่ในระดับ 25-30% ต่อบริษัท หรือหากผู้ร่วมลงทุนรายอื่นๆ มีความชำนาญก็อาจจะให้ถือหุ้นส่วนใหญ่

ขณะที่บริษัทสนใจจะขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินในต่างประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และจีน เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ซึ่งจะเป็นการลงทุนในขนาดใหญ่ เพราะให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ซึ่งทางรัฐบาลมีนโยบายขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 3.5 หมื่นเมกะวัตต์

แต่ในส่วนของโครงการพลังงานลม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการศึกษาในพื้นที่ 2-3 แห่งในประเทศพบว่าไม่เหมาะสมที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนไม่ดีนัก

ขณะเดียวกัน หลังจากที่ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก บริษัทมองว่าเป็นโอกาสการเข้าซื้อกิจการเหมืองเพิ่มเติม โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและอินเดีย โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเจรจาในแหล่งที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทลูกในอินโดนีเซียมีเงินสดในมือกว่า 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนนและท่าเรือที่บริษัทลงทุนไว้แล้วทำให้มีความพร้อมมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ